สิวเม็ดข้าวสารเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไรถึงจะได้ผล

สิวเม็ดข้าวสารเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไรถึงจะได้ผล

สิวเม็ดข้าวสารหรือสิวข้าวสาร เป็นสิวอุดตันประเภทหนึ่งที่รักษาได้ยาก และใช้เวลานานกว่าจะหายขาด โดยสิวข้าวสารนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็กคล้ายเม็ดข้าวสาร มักพบบริเวณเปลือกตา หน้าผาก จมูก และแก้ม ซึ่งจะสร้างความรำคาญใจให้แก่คนไข้ที่มีปัญหานี้ เพราะนอกจากจะรู้สึกถึงผิวที่ไม่เรียบเนียนแล้ว ยังอาจมีอาการคันขึ้นมาได้อีกด้วย ดังนั้น ในบทความนี้หมอจึงจะมาอธิบายเกี่ยวกับสิวเม็ดข้าวสาร ทั้งสาเหตุการเกิดสิวเม็ดข้าวสาร วิธีป้องกัน และวิธีรักษาให้ได้ผล รับรองว่าอ่านจบนี้แล้วคนไข้จะสามารถไขข้อสงสัยและสามารถรักษาสิวข้าวสารที่เป็นอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

สิวเม็ดข้าวสารคืออะไร?

สิวเม็ดข้าวสารคืออะไร

สิวเม็ดข้าวสาร (Milia หรือ Milium Cyst) คือ ความผิดปกติของผิวหนังที่มีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ตื้น และแข็ง มีสีขาวเหลืองคล้ายเม็ดข้าวสาร ขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ถูกจัดอยู่ในกลุ่มซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังที่มีส่วนประกอบของเคราตินสะสมอยู่ภายใน สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยชรา มักพบบริเวณใต้ตา เปลือกตา โหนกแก้ม และจมูก นอกจากนี้ในบางรายยังอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งสิวเม็ดข้าวสารนี้สามารถหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน แต่ในกรณีที่เป็นสิวข้าวสารนานเกิน 3 เดือน ก็ควรจะปรึกษาแพทย์รักษาสิวหรือแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุด

สิวหิน กับสิวเม็ดข้าวสาร เหมือนหรือต่างกันยังไง?

สิวหิน กับ สิวเม็ดข้าวสาร เหมือนหรือต่างกันยังไง

สิวหิน สิวเม็ดข้าวสาร เป็นสิวที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่อย่างไรก็ตามสิวเม็ดข้าวสารและสิวหินนี้ไม่ใช่สิวประเภทเดียวกัน โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • สิวหิน (Syringoma) เกิดจากเนื้องอกจากต่อมเหงื่อที่ไม่ใช่เนื้อร้าย มีขนาดประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มีลักษณะเป็นตุ่มเนื้อนูนแข็งขนาดเล็ก มีสีขาวขุ่นหรือสีเหลือง ไม่มีอาการเจ็บหรือคัน เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนใหญ่ สาเหตุในการเกิดมักมาจากพันธุกรรมและอายุที่เพิ่มขึ้น
  • สิวเม็ดข้าวสาร (Milia) เป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ตื้นและแข็ง มีสีขาวคล้ายเม็ดข้าวสาร ขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มักเกิดบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม จมูก หรือเปลือกตา สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย

ชนิดของสิวเม็ดข้าวสาร

ชนิดของสิวหิน

สิวเม็ดข้าวสาร จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุของการเกิดสิว โดยสามารถแบ่งสิวข้าวสารตามลักษณะได้ทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้

1. สิวแบบราบ

เป็นสิวข้าวสารชนิดที่เกิดจากการติดเชื้อ และลุกลามจนกลายเป็นก้อนยาวแข็งแบนราบบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อ ในบางรายอาจขึ้นยาวหลายเซนติเมตร มักพบบริเวณหลังใบหู หน้าแก้ม รอบดวงตา สันกราม และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคน

2. สิวแบบแผลเป็น

เป็นสิวที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ เช่น ผิวหนังอักเสบ พุพอง เป็นผื่น แผลเป็นจากไฟไหม้ แผลจากการเสียดสีผิวบริเวณดังกล่าวซ้ำ ๆ หรือต่อมไขมันและรูขุมขนที่ถูกรบกวน มักพบบริเวณนิ้วมือและหลังมือ

3. สิวข้าวสารแบบแตกได้

เป็นประเภทของสิวข้าวสารที่พบได้ยาก แต่หากเป็นแล้วจะขึ้นเป็นจำนวนมากและใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน โดยจะขึ้นบริเวณใบหน้า แขนช่วงบน และลำตัวช่วงบน นอกจากนี้ เมื่อสิวชนิดนี้แตกออกก็จะกลายเป็นแผลเป็น และอาจมีอาการคันตามมาได้อีกด้วย

4. สิวที่เกิดจากยา

เป็นสิวที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ฟลูออโรยูราซิล ไฮโดรควิโนน และครีมหรือตัวยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เป็นต้น ซึ่งยาเหล่านี้สามารถทำให้เกิดสิวเม็ดข้าวสารขึ้นได้

สิวหัวข้าวสาร หรือสิวเม็ดข้าวสารเกิดจากอะไร?

ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดสิวข้าวสารที่แน่ชัดไม่ได้ แต่คาดว่าสิวข้าวสารอาจเกิดจากการรบกวนของรูขุมขนอ่อนด้านบนใกล้กับต่อมไขมัน (Sabaceous Collar of Vellus Hair) หรือท่อของต่อมเหงื่อ (Sweat Ducts) ซึ่งส่งผลให้เคราติดเกิดการรวมตัวกันจนแข็งตัวและกลายเป็นสิวเม็ดข้าวสารขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ดังนี้

  • ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่กระตุ้นให้เกิดสิวเม็ดข้าวสารขึ้นได้
  • การใช้ยาบางชนิด รวมถึงการใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
  • เกิดตามหลังความเสียหายของผิวหนัง เช่น ผื่นอักเสบ แผลไหม้ การทำหัตถการบนผิวหน้า ผิวหนังอักเสบ แผลจากการเสียดสีบริเวณเดิมซ้ำ ๆ เป็นต้น
  • การติดเชื้อและอาการผิดปกติบางอย่างที่ผิวหนัง เช่น กลุ่มอาการการ์ดเนอร์ (Gardner Syndrome) มะเร็งผิวหนังบางชนิด เป็นต้น

วิธีดูแลสิวเม็ดข้าวสารให้ผิวกลับมาเรียบเนียน

วิธีดูแลสิวเม็ดข้าวสารให้ผิวกลับมาเรียบเนียน

โดยปกติแล้ว สิวเม็ดข้าวสารสามารถปล่อยให้หายได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่หากคนไข้รู้สึกรำคาญใจก็สามารถดูแลและรักษาสิวข้าวสารให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้ โดยวิธีรักษาสิวเม็ดข้าวสารที่ถูกต้อง มีดังนี้

1. การผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และอุดตันอยู่บริเวณรูขุมขนออกไป โดยคนไข้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acids) หรือ BHA (Beta Hydroxy Acids) ซึ่งเป็นกรดเข้มข้นที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวได้ ดังนั้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์รักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญก่อนเสมอ

2. การใช้ยารักษาสิวข้าวสาร

การรักษาสิวเม็ดข้าวสารโดยการใช้ยา ควรทำภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น โดยคนไข้จะต้องเข้าไปให้แพทย์วินิจฉัยอาการ เพื่อจ่ายยารักษาสิว เช่น ยาทาเรติโนอิด์ ยาทากรดซาลิไซลิก หรือยาทากรดไกลโคลิค ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันรูขุมขน โดยกลุ่มยาที่นิยมใช้มีดังนี้

  • ยาทาเรติโนอิด์ เช่น ทาดาลาฟิล (Tadalafil) หรือไอโซเทรติโนอิน (Isotretinoin) จะช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • ยาทากรดซาลิไซลิก เช่น เบนซิล เพอร์ออกไซด์ (Benzyl Peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) จะช่วยละลายไขมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วที่อุดตันรูขุมขน
  • ยาทากรดไกลโคลิค เช่น ไกลโคลิค แอซิด (Glycolic Acid) หรือแลคติก แอซิด (Lactic Acid) จะช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

3. การกดสิว

การกดสิวเม็ดข้าวสาร เป็นวิธีที่สามารถทำได้ แต่ไม่ควรทำด้วยตัวเองเนื่องจากหัวสิวแข็ง ลึก และออกยาก ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อได้ ดังนั้น หากต้องการกดสิวเม็ดข้าวสารควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

4. การเลเซอร์

การเลเซอร์สิวเม็ดข้าวสาร เป็นวิธีที่เหมาะกับคนไข้ที่เป็นสิวกระจุกตัวจำนวนมากหรือเม็ดใหญ่ เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยจะเป็นการใช้เลเซอร์เพื่อทำลายก้อนไขมันหรือเซลล์ผิวหนังที่อุดตันรูขุมขน สำหรับเลเซอร์ที่นิยมใช้มีหลายชนิด ได้แก่

  • CO2 Laser เป็นเลเซอร์ที่มีพลังงานสูง สามารถใช้ทำลายก้อนไขมันหรือเซลล์ผิวหนังที่อุดตันรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Erbium YAG Laser เป็นเลเซอร์ที่มีพลังงานต่ำ เหมาะสำหรับการรักษาสิวเม็ดข้าวสารที่บริเวณผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา
  • IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเลเซอร์แบบผสมผสาน สามารถใช้ทำลายก้อนไขมันหรือเซลล์ผิวหนังที่อุดตันรูขุมขน พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวเม็ดข้าวสาร ตอบโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง

1. สิวเม็ดเล็ก ๆ เกิดจากอะไร?

สิวเม็ดเล็ก ๆ สิวเม็ดข้าวสาร หรือสิวผด มักเกิดจากการที่ผิวสัมผัสกับสิ่งสกปรกและมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่นควัน เหงื่อ แสงแดด หน้ากากอนามัย เป็นต้น จนเกิดการอุดตัน

2. ทำไมถึงเป็นสิวไม่มีหัว?

อาจเกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนัง จากเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่เข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขน แต่การอุดตันกลับเข้าสู่ชั้นลึกของผิวหนังแทน

3. สิวเม็ดข้าวสารหายเองได้ไหม?

สิวเม็ดข้าวสารสามารถหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ หรือบางคนอาจอยู่นานหลายเดือน

4. สิวเม็ดข้าวสารกดได้ไหม?

สิวเม็ดข้าวสารสามารถกดได้แต่ไม่แนะนำให้กดด้วยตัวเอง เพราะหัวสิวมีความแข็งและกดออกยาก หากทำด้วยตัวเองอาจเกิดการระคายเคืองได้ แนะนำให้ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า

5. สิวเม็ดข้าวสาร อันตรายไหม?

สิวข้าวสารที่เกิดขึ้นบนผิวหน้า ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังแต่อย่างใด แต่หากเป็นระยะยาวและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

6. เป็นสิวเม็ดข้าวสารรักษายังไง?

สิวเม็ดข้าวสารสามารถรักษาได้หลายวิธี โดยวิธีที่ได้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดจะเป็นวิธีทางการแพทย์ ดังนี้

  • การเลเซอร์รักษาสิวข้าวสาร
  • การกดสิวข้าวสารโดยแพทย์รักษาสิว
  • การใช้ยารักษาสิวข้าวสาร เช่น ยาทาเรติโนอิด์ ยาทากรดซาลิไซลิก หรือยาทากรดไกลโคลิค เป็นต้น
  • การใช้กรด AHA หรือ BHA ในการผลัดเซลล์ผิวตามคำแนะนำของแพทย์

จัดการสิวเม็ดข้าวสาร ให้สิวหลุดแบบหมดจดที่ M VITA CLINIC

แม้ว่าสิวเม็ดข้าวสารที่อยู่บนใบหน้าของคนไข้ จะไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล แต่ผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียนก็คงจะทำให้คนไข้หลาย ๆ ท่านรู้สึกไม่มั่นใจได้ ดังนั้น จะดีกว่าไหมถ้าคนไข้สามารถรักษาสิวเม็ดข้าวสารให้หายขาดด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งที่ M VITA CLINIC หมอก็พร้อมให้วินิจฉัยอาการและพิจารณาวิธีรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาที่คนไข้เป็นอยู่ เพื่อคืนผิวหน้าที่เรียบเนียน และความมั่นใจกลับมาให้คนไข้ สำหรับคนไข้ที่มีปัญหานี้อยู่และสนใจเข้ารับบริการ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่

ติดต่อ จองคิว ปรึกษาแพทย์

ข้อมูลของ เอ็มวีต้า คลินิก (Mvita Clinic)

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • เอ็มวีต้า คลินิก (คลิก) ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

วันเผยแพร่

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า