รอยสิวบนใบหน้า เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อรักษาสิวจนหายดีแล้ว ซึ่งแม้ว่ารอยสิวจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับคนไข้ แต่รอยสิวที่อยู่บนใบหน้าอาจทำให้คนไข้รู้สึกไม่มั่นใจได้ โดยในปัจจุบันการเลเซอร์รอยสิว เลเซอร์รอยดำ รอยแดงจากสิว ก็นับว่าเป็นวิธีที่ช่วยลดเลือนรอยสิวและรอยดำ รอยแดงจากสิวให้จางลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้คนไข้ที่มีปัญหารอยสิวให้ความสนใจกับการรักษาด้วยเลเซอร์
ซึ่งในบทความนี้ผม หมอเอ็ม นายแพทย์มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำ M VITA CLINIC จะมาแนะนำเรื่องที่คนไข้ควรรู้ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษารอยสิวด้วยการเลเซอร์ ต้องทำกี่ครั้งถึงจะหาย เลเซอร์ที่ใช้ในการรักษารอยสิวมีกี่ประเภท รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย และการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษารอยสิว เพื่อให้คนไข้มีความพร้อมมากที่สุด
รอยสิวคืออะไร? เกิดจากอะไร?
รอยสิว และรอยดำ รอยแดงจากสิว เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาสิว โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวเรื้อรัง การอักเสบสิวอย่างรุนแรง หรือมีการดูแลสิวไม่ถูกต้อง เช่น การกดสิวด้วยตัวเอง การบีบเค้นสิวจนผิวบริเวณนั้นบอบช้ำ เป็นต้น แน่นอนว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ความเสียหาย และไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวให้เพิ่มมากขึ้น จนทำให้เกิดรอยสิวตามมาในที่สุด ซึ่งรอยสิวสามารถแบ่งตามลักษณะได้ทั้งหมด 3 ประเภทดังนี้
- รอยดำ (Post-Inflammatory Erythema) เกิดจากการบีบ หรือแกะสิวจนทำให้ผิวอักเสบ และทิ้งรอยแดงไว้บนผิว
- รอยแดง (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) เป็นรอยที่เกิดหลังจากรอยแดง เกิดจากการอักเสบของผิวที่กระตุ้นให้มีการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น
- รอบหลุมสิว (Atrophic Scars) เป็นรอยที่เกิดจากการอักเสบรุนแรงถึงชั้นหนังแท้ และปล่อยไว้เป็นเวลานานจนมีพังผืดเกาะ ทำให้ผิวหนังเกิดการยุบตัวจนเห็นเป็นหลุมบนใบหน้า
การทำเลเซอร์รอยสิว คืออะไร?
การเลเซอร์ลดรอยสิว เป็นวิธีรักษาทางการแพทย์วิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหารอยสิว โดยจะเป็นการใช้แสงเลเซอร์เข้มข้นสูง ในช่วงความถี่ที่เหมาะสม ส่งพลังงานความร้อนไปยังบริเวณที่เป็นรอยสิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้รอยดำ รอยแดงดูจางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้การเลเซอร์รอยสิวได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นวิธีที่รักษาได้อย่างตรงจุด และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว
เลเซอร์รักษารอยสิวเหมาะใคร?
โดยปกติแล้ว การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ สามารถทำได้ในทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแห้ง และในกรณีต่าง ๆ ดังนี้
- คนไข้ที่ต้องการรักษาและลดเลือนรอยสิว รวมถึงรอยดำ รอยแดงให้จางลง
- คนไข้ที่ต้องการปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนและดูกระจ่างใสขึ้น
- วัยรุ่นที่มีปัญหาสิวอักเสบจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- คนไข้ที่ลองรักษารอยสิวด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล
- คนไข้ที่ไม่เคยเข้ารับการฉายรังสีบนใบหน้า
เลเซอร์รักษารอยสิวไม่เหมาะกับใคร?
แม้ว่าเลเซอร์รักษารอยสิว จะสามารถทำได้ในทุกสภาพผิว แต่ก็มีบางกรณีที่ไม่ควรรักษาด้วยการเลเซอร์เช่นกัน ดังนี้
- คนไข้ที่เป็นโรคผิวหนัง หรือผิวหนังมีการอักเสบ
- คนไข้ที่เป็นผื่นภูมิแพ้ มีสิวอักเสบ หรือสิวหนอง
- คนไข้ที่มีแผลสดบนใบหน้า
- คนไข้ที่มีแผลผ่าตัดที่ยังไม่ครบ 6 เดือน
- คนไข้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- คนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เลเซอร์รอยสิวมีอะไรบ้าง?
สำหรับประเภทของเลเซอร์รักษารอยสิวที่หมอรวบรวมมาแนะนำในบทความนี้ จะขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามชนิดของรอยสิว ดังนี้
1. เลเซอร์รอยแดงสิว
สำหรับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษารอยแดงจากสิว จะเป็นเลเซอร์ที่ออกฤทธิ์เจาะจงกับเส้นเลือดใต้ผิวโดยตรง ซึ่งเลเซอร์กลุ่มนี้สามารถรักษารอยแดงได้เป็นอย่างดี เพราะในความเป็นจริงแล้ว รอยแดงจากสิวเกิดจากการที่เส้นเลือดขยายตัวตามหลังการเกิดสิวอักเสบนั่นเอง โดยเลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่
- Vbeam laser เป็นเลเซอร์ชนิด Pulsed Dye Laser ที่ให้พลังงานแสงความยาวคลื่น 595 nm และมีช่วงแสงสีเหลือง เป็นเลเซอร์ที่เหมาะกับการรักษารอยแดง เพราะให้ผลดีถึงดีมาก หลังทำพักฟื้นไม่นาน
- Dual yellow laser เป็นเลเซอร์ที่โดดเด่นเรื่องผิวหน้าขาวกระจ่างใส แต่สามารถนำมารักษาได้ทั้งรอยดำและรอยแดงจากสิว
- Quadrostar Proyellow laser เป็นเลเซอร์ในตระกูล Diode Laser โดดเด่นด้านการรักษาความผิดปกติที่เกิดจากหลอดเลือดชั้นตื้นทุกชนิด ซึ่งนอกจากจะช่วยลดเลือนรอยแดงสิวได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยลดจำนวนสิวอักเสบได้ด้วย
- Long pulsed Nd: YAG เป็นเลเซอร์ที่ใช้ในการกำจัดขนเป็นหลัก แต่สามารถนำมาใช้รักษาปัญหาที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชั้นลึก หรือรอยแดงลึก ๆ ได้เช่นกัน
2. เลเซอร์รอยดำสิว
เนื่องจากรอยดำจากสิว เกิดจากการที่ผิวบริเวณที่เป็นสิว มีเม็ดสีเมลานินสะสมใต้ผิวมากขึ้น ทำให้เลเซอร์กลุ่มหนึ่งที่ใช้ในการรักษารอยดำ จะเป็นเลเซอร์ที่ออกฤทธิ์ต่อเม็ดสีเมลานิน โดยเลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่
- Q switched Nd: YAG Laser เป็นเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในการใช้รักษาปัญหาเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ รอยดำจากสิว เป็นต้น สามารถรักษารอยดำได้ดี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่แต่ละคลินิกเลือกใช้ด้วยเช่นกัน
- Picosecond laser เป็นเลเซอร์ที่สามารถปล่อยพลังงานได้เร็ว ทำให้เห็นผลเร็วขึ้น จำนวนครั้งในการทำน้อยลง และมีผลข้างเคียงน้อยกว่าเลเซอร์แบบ Q Switched Nd: YAG Laser
นอกจากนี้ยังมีเลเซอร์อีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยลดรอยดำสิวได้ นั่นก็คือเลเซอร์ในกลุ่ม Fractional Laser เพราะสามารถช่วยขจัดเม็ดสีออกจากผิว ตัวอย่างเลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ Fraxel dual, Er: YAG laser , Thulium laser เป็นต้นครับ
ก่อนเลเซอร์รอยสิว เตรียมตัวอย่างไร?
แม้ว่าเลเซอร์รอยสิวส่วนใหญ่ จะค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิวและไม่ต้องมีการเตรียมตัวมากนัก แต่เพื่อให้การทำเลเซอร์เป็นไปอย่างปลอดภัย และไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อคนไข้ หมอแนะนำให้คนไข้เตรียมตัวให้พร้อมตามข้อปฏิบัติเหล่านี้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และงดการสูบบุหรี่ก่อนเลเซอร์รอยสิวอย่างต่ำ 2 สัปดาห์
- เลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง เลี่ยงแสงแดด 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ลดรอยสิว
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA +++ ก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ
- งดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA (ซาลิไซลิก เอซิด) และ AHA อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) และกรดไกลโคลิค (Glycolic Acid) อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดการสครับผิว
- หากมียาโรคประจำตัว แจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- งดการทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เลเซอร์รอยสิวมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง?
เมื่อได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเลเซอร์รอยสิวกันไปพอสมควรแล้ว อันดับต่อไปหมอก็จะขอมาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการเลเซอร์รอยสิว เพื่อให้คนไข้มีข้อมูลในการเปรียบเทียบได้มากขึ้น
ข้อดีของการเลเซอร์รักษารอยสิว
- ช่วยลดรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจน
- เห็นผลการรักษารวดเร็ว นอกจากนี้การรักษาด้วยเลเซอร์รอยสิว ยังใช้เวลาน้อยกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นอีกด้วย
- มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
- นอกจากจะรักษารอยสิวได้แล้ว ยังช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย
ข้อเสียของการเลเซอร์รักษารอยสิว
- การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ จะมีราคาสูงกว่าวิธีรักษาอื่น ๆ
- ต้องรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการรักษา
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือผิวมีอาการอักเสบอยู่ เช่น ผิวที่กำลังแพ้เห่อคัน ผิวที่มีแผลสด เป็นต้น
รักษารอยสิว ด้วยเลเซอร์รอยสิวที่ M VITA CLINIC
M VITA CLINIC ให้บริการเลเซอร์รอยสิวด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูง สามารถลดเลือนรอยดำ รอยแดงจากสิวให้จางลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้คนไข้ยังมั่นใจในความปลอดภัยและมาตรฐานการรักษาได้เป็นอย่าง เพราะทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี พร้อมช่วยดูแลทุกปัญหาผิว ให้คำแนะนำในการรักษาอย่างใส่ใจ และมีนวัตกรรมในการรักษาทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผู้ใช้บริการ
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลเซอร์รอยสิว รอยดำ และรอยแดง ตอบโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง
1. เลเซอร์รอยสิว กี่วันเห็นผล?
หลังจากเลเซอร์ไปประมาณ 2-3 วัน จะเริ่มเห็นได้ว่า รอยสิวดูจางลง ทั้งนี้หมอแนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก ๆ 3-4 สัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
2. เลเซอร์รอยสิวครั้งละกี่บาท?
ที่ M VITA CLINIC เลเซอร์รอยสิว ราคา โปรแกรมเลเซอร์รอยสิว Gold K Scan เริ่มต้นเพียง 2,500 บาทเท่านั้น โดยหมอแนะนำให้คนไข้ทำต่อเนื่องทุก ๆ 3-4 สัปดาห์เพื่อให้รอยสิวจางไว และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- 1 ครั้ง 2,500 บาท
- คอร์ส 5 ครั้ง 8,500 บาท (เฉลี่ยครั้งละ 1,700 บาท)
- คอร์ส 10 ครั้ง 13,500 บาท (เฉลี่ยครั้งละ 1,350 บาท)
หากท่านใดยังมีสิว สามารถรักษาสิวไปพร้อมกับรอยจากสิว ด้วยโปรแกรม Medi-Aclear เริ่มต้นเพียง 1,700 บาท เท่านั้นครับ ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคา แถมยังการันตีผลลัพธ์ที่ชัดเจนอีกด้วยครับ
- 1 ครั้ง 3,500 บาท
- คอร์ส 5 ครั้ง 10,500 บาท (เฉลี่ยครั้งละ 2,100 บาท)
- คอร์ส 10 ครั้ง 17,000 บาท (เฉลี่ยครั้งละ 1,700 บาท)
3. เลเซอร์รอยสิวกี่ครั้งถึงจะหาย?
โดยทั่วไปหลังจากที่ทำเลเซอร์รอยสิวครั้งแรก จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นประมาณ 30 % และเมื่อทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า รอยสิวดูจางลงจนเกือบ 100%
4. เลเซอร์รอยสิวต้องพักหน้ากี่วัน?
หลังจากเลเซอร์รอยสิวไปแล้ว ควรพักหน้าอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
- ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด แต่ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง
- งดการอาบน้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อน
- งดนวดหน้า
- งดสครับหน้า
- สามารถแต่งหน้าได้ และควรทำความสะอาดให้หมดจด
5. เลเซอร์รอยสิวควรเว้นระยะกี่วัน?
การเลเซอร์รอยสิวในแต่ละครั้งควรห่างกันอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์
6. เลเซอร์รอยสิว อันตรายไหม?
เลเซอร์รอยสิวเป็นวิธีที่ไม่อันตราย ปลอดภัย และเห็นผลดี ส่วนใหญ่หลังทำจะมีแค่อาการแดงเล็กน้อย และจะหายไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง
7. เลเซอร์รอยดำกี่ครั้งถึงจะหาย?
ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและความรุนแรงของรอยดำ แต่โดยทั่วไปแล้วเมื่อเลเซอร์รอยดำไปประมาณ 3-5 ครั้งก็จะรู้สึกได้เลยว่าสภาพผิวหน้าดีขึ้น
8. เลเซอร์รอยดำหายจริงไหม?
การเลเซอร์สามารถรักษารอยดำให้หายได้จริง นอกจากนี้ยังช่วยรักษารอยแดง และปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลงได้อีกด้วย
9. เลเซอร์รอยดำเจ็บไหม?
การเลเซอร์รอยดำ และรอยแดง จะมีอาการเจ็บเล็กน้อย หากทนไม่ไหวสามารถแจ้งแพทย์ให้เพิ่มยาชาได้
รวมรีวิวเลเซอร์รอยสิวจากผู้ใช้บริการที่ M VITA CLINIC
สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องสิว และรอยดำ รอยแดงจากสิวเคยลองรักษามาแล้วหลายวิธีแต่ก็ยังไม่ได้ผล หมอแนะนำให้ลองมาเข้ามาปรึกษาที่ M VITA CLINIC โดยคนไข้สามารถดูรีวิวการรักษาจากผู้ใช้บริการจริงที่หมอรวบรวมมา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก็ได้เช่นกันครับ
แก้ปัญหารอยสิวด้วยเลเซอร์รอยสิวที่ M VITA CLINIC
เลเซอร์รอยสิวเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดเลือนรอยสิวได้เป็นอย่างดี ทำให้รอยดำรอยแดงสิวดูจางลง แต่ผลการรักษาอาจมีความแตกต่างกันไป ตามสภาพผิวของแต่ละคน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนทำเลเซอร์รอยสิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งนอกจากการทำเลเซอร์รอยสิว จะช่วยให้รอยแดง รอยดำจางลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย ทั้งนี้ หมอแนะนำว่าคนไข้ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีการทำเลเซอร์รอยสิวด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและประสิทธิภาพสูง เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัย เห็นผลการรักษาที่ดีและชัดเจนขึ้น
ซึ่ง M VITA CLINIC ก็เป็นคลินิกรักษาสิวและรอยสิวที่มีเครื่องมือทันสมัย มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างละเอียด เพื่อผลการรักษาที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ใช้บริการทุกคน แน่นอนว่า M VITA CLINIC ยินดีให้คำปรึกษา ประเมินการรักษา ฟรี! สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่
- LINE: https://page.line.me/mvitaclinic?openQrModal=true
- FaceBook: https://www.facebook.com/mvitacliniccenter
- Tel: 081-492-2626, 02-640-8097
- Google Maps: https://maps.app.goo.gl/ZMEgATLszMJsHpNC8
ติดต่อ จองคิว ปรึกษาแพทย์
ข้อมูลของ เอ็มวีต้า คลินิก (Mvita Clinic)
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- เอ็มวีต้า คลินิก (คลิก) ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่