
สิวอุดตัน (Comedones) เป็นสิวที่ส่งผลกระทบต่อผิวในระยะยาว เพราะนอกจากจะไม่สามารถบีบออกเหมือนสิวประเภทอื่นได้แล้ว หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาก็อาจจะทำให้เกิดสิวอุดตันซ้ำซาก ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบและมีปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา จนทำให้คนไข้เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น ในบทความนี้ M VITA CLINIC ได้รวบรวมข้อมูลจากหมอรักษาสิวมาแนะนำให้คนไข้ได้ทำความรู้จักมากขึ้นว่า สิวอุดตันเกิดจากอะไร? มีกี่ประเภท? เกิดจากสาเหตุอะไร พร้อมแนะนำวิธีรักษาสิวอุดตันที่เหมาะสม คนไข้ท่านใดที่กำลังมีปัญหาสิวอุดตันอยู่ต้องห้ามพลาด!
สิวอุดตันคืออะไร?

สิวอุดตัน (Comedones) คือ สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนอยู่บนผิวหนังแต่ไม่มีการอักเสบ เมื่อใช้มือลูบจะรู้สึกถึงผิวที่ไม่เรียบเนียน เกิดจากการหมักหมมของสิ่งสกปรกและความอับชื้นของเหงื่อ ซึ่งต่อให้รักษาจนหายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ และหากปล่อยไว้ไม่รักษาก็สามารถพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน
สิวอุดตันมีกี่ประเภท?

สิวอุดตัน จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูน แข็งบนผิว มีทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ สิวหัวขาว สิวหัวดำ และสิวไม่มีหัว
1. สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads Comedones) หรือสิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedones)
สิวอุดตันหัวดำ หรือที่เรียกกันว่า สิวเสี้ยน เป็นสิวที่มีลักษณะตุ่มนูน สามารถเห็นหัวสิวได้จากภายนอก มีสิวหัวดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นสีของไขมันที่อุดตันอยู่ภายในรูขุมขน ผสมกับขนเส้นเล็ก ๆ หรือเซลล์ผิวเก่าบนผิว สามารถบีบออกหรือกดให้ออกมาจากผิวได้ แต่เสี่ยงต่อการอักเสบและเกิดรอยสิว
2. สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads Comedones) หรือสิวอุดตันหัวปิด (Closed Comedones)
เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน รวมกับไขมันส่วนเกินต่าง ๆ จนเกิดเป็นสิวตุ่มนูนหรือถุงซีสต์ (Cystic Space) โดยจะมีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ สีขาวที่ไม่สามารถมองเห็นหัวสิวได้จากภายนอก ไม่ควรแกะหรือบีบสิวอุดตันประเภทนี้ เพราะไขมันที่อุดตันอยู่อาจย้อนกลับเข้าไปในผิวหนัง จนทำให้เนื้อเยื่อเกิดการอักเสบและพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้
3. สิวอุดตันไม่มีหัว (Microcomedone)
เป็นสิวอุดตันที่สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เกิดจากฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ที่ถูกกระตุ้นในช่วงวัยรุ่น ซึ่งสิวประเภทนี้สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แต่ในกรณีที่มีการอักเสบก็อาจจะพัฒนากลายเป็นสิวประเภทอื่นได้
ขนาดของสิวอุดตัน
นอกจากการทำความรู้จักลักษณะของสิวอุดตัน จะช่วยให้คนไข้เลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมได้แล้ว ขนาดของสิวอุดตันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาสิวอุดตันเช่นเดียวกัน เนื่องจากขนาดของสิวอุดตันสามารถบ่งบอกถึงระดับความรุนแรงของสิวได้ โดยสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 3 ระดับ ดังนี้
- สิวอุดตันขนาดเล็ก (Microcomedones) เป็นสิวอุดตันขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มักพบในรูปแบบของสิวเสี้ยน ซึ่งสิวอุดตันประเภทนี้จะมีความรุนแรงน้อย ทำให้ใช้ระยะเวลาในการรักษาน้อยกว่าสิวชนิดอื่น ๆ
- สิวอุดตันขนาดกลาง (Macrocomedones) เป็นสิวอุดตันที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งสิวอุดตันขนาดกลางนี้ จะมีความระคายเคืองมากกว่าสิวอุดตันขนาดเล็ก และมีโอกาสเกิดการอักเสบจากการแกะ หรือบีบสิว จนกลายเป็นสิวอักเสบได้
- สิวอุดตันขนาดใหญ่ (Giants Comedones) เป็นสิวอุดตันขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นก้อนซีสต์ขนาดเล็ก สามารถสร้างความระคายเคืองให้กับคนไข้ได้ค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสที่คนไข้หลาย ๆ คนจะพยายามบีบสิวจนกลายเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่าสิวหัวช้างได้
สิวอุดตันเกิดจากอะไร?

สิวอุดตันส่วนใหญ่ เกิดจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปและหมักหมมรวมกับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในรูขุมขน ทั้งฝุ่นละออง ฝุ่นควัน เครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว จนเกิดการอุดตันในรูขุมขนขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ได้แก่
- ระดับฮอร์โมนเพศชายที่มากเกินไปเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย
- พฤติกรรมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองบนผิว เช่น การขัดผิวหน้าอย่างรุนแรง การบีบสิว การทำเลเซอร์ เป็นต้น
- สภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
- มลภาวะต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และการอุดตัน เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ แสงแดด เป็นต้น
- ความเครียดที่ไปกระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลมากเกินไป
- เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ผู้ที่มีสภาพผิวมัน
- ผู้ที่มีสภาพผิวขาดน้ำ
บริเวณที่สามารถเป็นสิวอุดตันได้
สิวอุดตันสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายตำแหน่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน โดยบริเวณที่พบได้บ่อยมีดังนี้
1. สิวอุดตันบริเวณหน้าผาก
เป็นบริเวณที่สามารถพบได้บ่อย เนื่องจากหน้าผากอยู่ในบริเวณ T-Zone ที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก ทำให้ผิวบริเวณนี้มีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าบริเวณอื่น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการอุดตันของสิ่งสกปรกต่าง ๆ และการดูแลเส้นผม ทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้นบริเวณหน้าผากได้
2. สิวอุดตันที่คาง
คางเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่สามารถพบสิวอุดตันได้บ่อย และมักจะเกิดขึ้นซ้ำซาก โดยจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง เห็นหัวสิวชัดเจน นอกจากนี้หากกดสิวไม่ถูกวิธีก็สามารถเกิดรอยสิวได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น
3. สิวอุดตันที่แก้ม
เป็นบริเวณที่มักจะมีสิวอุดตันรุนแรง เนื่องจากแก้มเป็นจุดที่มักจะสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก เช่น เส้นผม หน้ากากอนามัย ปลอกหมอน โทรศัพท์มือถือ เครื่องสำอาง สกินแคร์ เป็นต้น
4. สิวอุดตันที่จมูก
จมูกหรือบริเวณขอบจมูก เป็นบริเวณที่สามารถพบสิวอุดตันได้บ่อย เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความมัน รวมถึงเป็นบริเวณที่มักจะมีการสัมผัสระหว่างวันบ่อย ๆ จึงทำให้เกิดการอุดตันและเกิดเป็นสิวเสี้ยนได้
5. สิวอุดตันที่หลัง
เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่สามารถเกิดสิวอุดตันได้ง่าย เนื่องจากหลัง เป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่ค่อนข้างมากและยากต่อการดูแลความสะอาด ดังนั้น เมื่อมีเหงื่อออกจนเกิดความอับชื้น และไม่ได้ทำความสะอาดในทันที สิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็จะเกิดการอุดตันได้
วิธีรักษาสิวอุดตัน

สิวอุดตันหายเองได้ไหม? สำหรับคำถามนี้คงต้องตอบว่า ในกรณีที่เป็นสิวอุดตันที่ไม่รุนแรง มีปริมาณสิวไม่มาก และมีขนาดเล็ก คนไข้ก็ยังสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่หากมีความรุนแรง มีปริมาณสิวค่อนข้างมาก และมีขนาดใหญ่ หมอแนะนำว่าควรจะเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยความรุนแรงและแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยวิธีที่นิยมใช้ในการรักษาสิวอุดตัน มีดังนี้
การรักษาสิวอุดตันด้วยการใช้ยา
เป็นวิธีรักษาเบื้องต้นที่คนไข้สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ หมอแนะนำว่าคนไข้ควรจะเข้ารับคำปรึกษาจากเภสัชกรและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับยาที่เหมาะสมกับสภาพผิวรวมถึงปัญหาสิวที่เป็นอยู่ เช่น Benzoyl Peroxide, Azelaic Acid, Salicyclid Acid, Glycolic Acid, Retinoids เป็นต้น
การกดสิว
การกดสิว จะเป็นการนำหัวสิวที่อุดตันอยู่ออกมาก ทำให้ตัวเม็ดสิวยุบตัวลง ทั้งนี้ การรักษาสิวอุดตันด้วยการกดสิว ควรดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะหากกดสิวผิดวิธีก็อาจทำให้สิวเกิดการอักเสบและกลายเป็นหลุมสิวขึ้นมาได้
การเลเซอร์
การเลเซอร์ จะเป็นการรักษาสิวอุดตันด้วยการยิงเลเซอร์ลงไปบริเวณสิวที่มีการอุดตันเพื่อเปิดหัวสิว และง่ายต่อการกดหัวสิวออก ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี แต่หากรักษาโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ ก็อาจจะทำให้ผิวบางลง ผิวไหม้ และระคายเคืองต่อสารเคมี รวมถึงแสงแดดได้ง่ายขึ้น และเกิดปัญหาฝ้า กระ หรือจุดด่างดำตามมาในภายหลังได้
การฉีดยา
เป็นการฉีดยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เข้าชั้นผิวหนังบริเวณที่เกิดสิว เหมาะกับการรักษาสิวอุดตันขนาดใหญ่ สิวซีสต์ สิวหัวช้าง ซึ่งหลังการรักษาอาจเกิดรอยบุ๋มและรอยแผลเป็นหลังจากผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่จะไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีประวัติแพ้ยาไครแอมซิโนโลน คนไข้ที่เป็นวัณโรคหรือติดเชื้อราที่ผิวหนัง โรคเบาหวานชนิดควบคุมอาการไม่ได้
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แก้ปัญหา รักษาสิวอุดตัน ที่ M VITA CLINIC
สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาสิวสิวอุดตัน หากทิ้งไว้นานอาจก่อให้เกิดสิวอักเสบในอนาคตได้ รักษาด้วยวิธีไหนก็ไม่หายขาด สามารถเข้ามาปรึกษาหมอเอ็ม ที่ M VITA CLINIC ได้เลย เพราะที่คลินิกของเรามีโปรแกรมรักษาสิวที่จะช่วยให้คนไข้บอกลาปัญหาสิว และมีสภาพผิวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในบทความนี้หมอจะขอ 2 โปรแกรมที่ตอบโจทย์กับคนไข้ที่มีปัญหาสิวขึ้นเยอะผิดปกติ ดังนี้
โปรแกรม Medi-Aclear โปรแกรม Medi-Aclear เป็นการรักษาสิวที่ประเมินการรักษาโดยแพทย์ และดำเนินการรักษาล้ำลึกตั้งแต่ทรีตเมนต์รักษาสิว จนถึงกระบวนการสุดท้ายที่เป็นการเลเซอร์รักษารอยสิว โดยมีขั้นตอนการรักษาถึง 8 ขั้นตอน นอกจากนี้คนไข้ยังจะได้รับยารักษาตามการประเมินของแพทย์ร่วมด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้ารักษาสิวในโปรแกรม Medi-Aclear สิวลดลงและรอยสิวจะจางลงได้มากถึง 80-90% สามารถรักษาได้ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด สิวมีหัว ฯลฯ ราคารายครั้ง 3,500.- / 5 ครั้ง 10,500.- / 10 ครั้ง 17,000.-





โปรแกรม Ultima-Clear โปรแกรมรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ Long Pulse Diode 1450nm ชนิดพิเศษที่จะส่งพลังงานลงสู่ต่อมไขมัน เพื่อลดความมันของผิวหน้า และลดการเกิดสิวใหม่ โดยจะออกฤทธิ์ได้ผลเทียบเท่ากับการทานยารักษาสิว โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องทานยา ก็เห็นผลการรักษาที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงเหมาะกับคนไข้ท่านที่ไม่ชอบการทานยา หรืออยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถทานยาได้ ราคารายครั้ง 1,500.- / 10 ครั้ง 10,000.-







วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอุดตัน

การดูแลตัวเองที่ถูกต้อง นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ รวมถึงช่วยลดโอกาสเกิดสิวอุดตันในอนาคต โดยวิธีดูแลตัวเองที่ควรทำตาม มีดังนี้
- ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยน
- ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนเย็น นอกจากนี้ยังไม่ควรขัดถูหน้าแรง ๆ
- เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันการอุดตัน
- งดการทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
- ลดการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น รวมถึงงดการแกะ และบีบสิว
- ล้างเครื่องสำอางแบบสองขั้นตอน (Double Cleansing)
- หากต้องเจอกับเหงื่อ ฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรก ควรรีบล้างหน้าในทันที
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวอุดตัน ตอบโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง
1. ทำไมสิวอุดตันขึ้นทุกวัน?
สิวอุดตัน (Comedones) สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศร้อน, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน, อาการแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าหรือเส้นผม, มลภาวะต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน, ความเครียด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงไม่แปลกเลยที่จะเกิดสิวอุดตันขึ้นทุกวัน
2. สิวอุดตันปล่อยให้หายเองได้ไหม?
สิวอุดตันสามารถหายเองได้ในคนไข้ที่มีผิวแข็งแรง ผิวสุขภาพดี โดยหัวสิวจะหลุดหรือหายไปเอง แต่ทางที่ดีก็ไม่ควรปล่อยเอาไว้ เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบที่รักษายาและอาจกลายเป็นหลุมสิวในอนาคตได้ ดังนั้นทางที่ดีจึงควรปรึกษาแพทย์รักษาสิวเพื่อวินิจฉัยและรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีรักษาที่เหมาะสมจะดีกว่า
3. ทำไงให้สิวอุดตันหาย?
สิวอุดตันมีวิธีรักษาให้หายได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
- รักษาด้วยการทายา
- รักษาด้วยการทานยาปฏิชีวนะ
- รักษาด้วยการฉีดยา
- รักษาด้วยการเลเซอร์
- รักษาด้วยการกดสิว
4. สิวอุดตันใช้เวลารักษากี่เดือน?
ระยะเวลาในการรักษาสิวอุดตัน จะขึ้นอยู่กับปริมาณและระดับความรุนแรงของสิว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จนถึง 1 เดือน
5. กินอะไรลดสิวอุดตัน?
หากคนไข้เป็นสิวอุดตัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง โดยเฉพาะอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปต่าง ๆ ซึ่งอาหารที่ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ มีดังนี้
- ผักสีเขียว เช่น คะน้า บล็อกโคลี่
- เนื้อสัตว์ต่าง ๆ
- ไขมันดี
- ขนมปังธัญพืช
- ข้าวแดง ข้าวไรซ์เบอรี่
- ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยและไฟเบอร์สูง เช่น ฝรั่ง แอปเปิล ส้ม
- ธัญพืชแบบเต็มเม็ด
- ถั่ว
- อาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ข้าวโอ๊ต ถั่วเลนทิล ถั่วเหลือง
6. ควรกดสิวอุดตันบ่อยแค่ไหน?
การกดสิวอุดตันไม่ควรกดออกภายในครั้งเดียว เพราะจะทำให้ผิวอ่อนแอ ดังนั้นจึงควรทยอยกดออกทุก ๆ สัปดาห์ นอกจากนี้ยังสามารถทำได้กับสิวหัวขาวหรือสิวหัวปิด แต่ควรจะดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อจนกลายเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ได้
7. สิวอุดตันไม่ควรใช้อะไร?
คนไข้ที่เป็นสิวอุดตัน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาฮอร์โมน ยาคุมกำเนิด หรือยาสเตียรอยด์มารับประทานเองโดยเด็ดขาด หากต้องการรักษาสิวอุดตันด้วยการใช้ยา ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์รักษาสิวเฉพาะทางจะดีกว่า
จัดการสิวอุดตันให้หายขาด M VITA CLINIC ช่วยได้!
ปัญหาสิวอุดตัน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ทั้งฮอร์โมน พฤติกรรมการใช้ชีวิต มลภาวะที่พบเจอในชีวิตประจำวัน และการอุดตันของน้ำมันในรูขุมขน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้น ทางที่ดีจึงควรดูแลผิวให้แข็งแรง รวมถึงให้ความสำคัญกับดูแลผิวหน้าให้ถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสิวอุดตันที่อาจจะพัฒนากลายเป็นปัญหาสิวอักเสบในอนาคตได้ สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาสิวอุดตันและต้องการรักษาให้หายขาดโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่
- LINE: https://page.line.me/mvitaclinic?openQrModal=true
- FaceBook: https://www.facebook.com/mvitacliniccenter
- Tel: 081-492-2626, 02-640-8097
- Google Maps: https://maps.app.goo.gl/ZMEgATLszMJsHpNC8
ติดต่อ จองคิว ปรึกษาแพทย์
ข้อมูลของ เอ็มวีต้า คลินิก (Mvita Clinic)
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- เอ็มวีต้า คลินิก (คลิก) ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่