สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด เกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันสิวยังไงบ้าง

สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด เกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันสิวยังไงบ้าง

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เป็นสิวประเภทหนึ่งที่ทำให้คนไข้ขาดความมั่นใจ เพราะนอกจากจะเห็นเป็นเม็ดสิวขนาดใหญ่บนใบหน้าแล้ว เมื่อรักษาหายยังอาจทิ้งรอยสิวหรือรอยแผลเป็นเอาไว้บนใบหน้าได้อีกด้วย ซึ่งสิวอักเสบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย นอกจากนี้ระยะเวลาในการรักษาสิวอักเสบให้หายขาด ยังขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความรุนแรงของสิว และการดูแลสิวของแต่ละคนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในบทความนี้ M VITA CLINIC จึงจะขอพาคนไข้ที่มีปัญหาสิวทุกท่านมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาสิวอักเสบแบบหมดเปลือก สิวอักเสบขึ้นไม่หยุดเกิดจากอะไร วิธีรักษาและดูแลสิวอักเสบมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย

สิวอักเสบคืออะไร?

สิวอักเสบคืออะไร

สิวอักเสบ Inflammatory Acne หรือ Papulopustular Acne คือ สิวผดและสิวอุดตันที่เกิดการอักเสบเรื้อรังของต่อมไขมันและรูขุมขน (Pilosebaceous Unit) จากการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes (P.Acnes) จนกลายเป็นสิวที่อักเสบอยู่ใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังรวมถึงการเสียสมดุลของแบคทีเรียบนผิวจนทำให้เกิดการอักเสบ เมื่อสัมผัสบริเวณสิวจะรู้สึกถึงผิวหน้าที่นูนขึ้นมา และมีอาการเจ็บ ปวด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว สิวอักเสบสามารถหายไปเองได้ แต่จะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานและอาจเกิดการอักเสบรุนแรง รวมถึงลุกลามไปบริเวณอื่นได้ ดังนั้นจึงควรหาวิธีรักษาที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลและหลุมสิวตามมาได้

ประเภทของสิวอักเสบ

ประเภทสิวอักเสบ

สิวอักเสบสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท โดยจะแบ่งตามขนาดของตุ่มสิว การอักเสบของสิว และความรุนแรงของอาการอักเสบ มีทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้

1. สิวตุ่มนูนแดง (Papule)

เป็นเม็ดสิวขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 0.5 – 1 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สีแดง เมื่อสัมผัสหรือลูบจะรู้สึกนูน ๆ แข็งเป็นไตอยู่ใต้ผิวหนัง รู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อสัมผัส สามารถรักษาได้ง่าย แต่ควรจะรีบรักษาในทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานก็จะยิ่งมีหัวหนองขึ้นมา หากพยายามบีบหรือกดด้วยตัวเอง ก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อขึ้นมาได้

2. สิวหัวหนอง (Pastule)

เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มสิวแดง ๆ ตรงกลางจะมีจุดสีขาวเหลือง หรือหนองที่เกิดภายใต้ผิวหนัง เกิดจากแบคทีเรียที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนเกิดการติดเชื้อ นอกจากนี้สิวหัวหนองยังสามารถพัฒนามาจากสิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการสัมผัส และบีบได้ด้วยเช่นกัน แต่การรักษาจะไม่ยากเท่ากับสิวตุ่มแดง

3. สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)

สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึกหรือสิวหัวช้าง สิวเป็นไต เป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง มีอาการเจ็บปวดค่อนข้างมาก มักเกิดจากการเป็นสิวอักเสบชนิด Papule ที่ผ่านการบีบหรือกดสิว จนทำให้แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้สิวยิ่งเกิดการอักเสบและบวมแดงรุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถลุกลามได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหัวสิว

4. สิวซีสต์ (Acne Cyst)

เป็นสิวที่พบได้ไม่บ่อย มีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง ภายในมีของเหลวข้นหนืดสีเหลือง แต่จะไม่มีอาการปวด หรือแดง แม้รักษาจนยุบแล้ว ก็จะกลายเป็นแผลเป็นก้อนนูนแข็งหรือหลุมสิวขนาดใหญ่ได้ ทั้งนี้ สิวซีสต์เป็นสักอักเสบที่ไม่ควรรักษาเอง ควรพบแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์รักษาสิวผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการวินิจฉัยและหาวิธีรักษาที่เหมาะสม

ระดับความรุนแรงของสิวอักเสบ

ระดับความรุนเเรงสิวอักเสบ

นอกจากสิวอักเสบจะสามารถแบ่งตามประเภทของสิวที่พบเจอได้แล้ว ยังสามารถแบ่งตามระดับความรุนแรงของสิวได้อีกด้วย ซึ่งระดับความรุนแรงของสิวนี้ ก็จะส่งผลต่อขั้นตอนการรักษาสิวอักเสบด้วยเช่นกัน โดยสามารถแบ่งระดับความรุนแรงของสิวอักเสบได้ 4 ระดับ ดังนี้

  • ระดับที่ 1 หรือสิวอักเสบระดับรุนแรงเล็กน้อย เป็นสิวที่ไม่มีการอักเสบรุนแรง โดยจะมีลักษณะเป็นสิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวตุ่ม และสิวหัวหนองที่มีขนาดเล็ก มีจำนวนไม่มาก
  • ระดับที่ 2 หรือสิวอักเสบระดับรุนแรงปานกลาง เป็นสิวตุ่มและสิวหัวหนอง รวม ๆ แล้วประมาณไม่เกิน 10 จุด
  • ระดับที่ 3 หรือสิวอักเสบค่อนข้างรุนแรง เป็นสิวตุ่มที่มีสิวหัวหนองรวมด้วยเป็นจำนวนมากกว่า 10 จุด และมีสิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึกมากกว่า 5 จุด
  • ระดับที่ 4 หรือสิวอักเสบรุนแรง เป็นสิวตุ่ม และสิวหัวหนองอักเสบที่มีการสะสมไว้เป็นเวลานานและกลับมาเป็นซ้ำ มีลักษณะเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ มีเลือดและหนองปนอยู่ภายในตัวสิว สร้างความเจ็บปวดไปทั่วบริเวณที่เป็นสิว

สิวอักเสบเกิดจากอะไร?

สิวอักเสบเกิดจากอะไรเเก้

นอกจากสิวอักเสบจะสามารถเกิดขึ้นได้จากการอุดตันของน้ำมันและสิ่งสกปรก รวมถึงเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes จนเกิดการติดเชื้อและกลายเป็นสิวอักเสบแล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว โดยเกิดจากระดับฮอร์โมนเพศชาย หรือฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งฮอร์โมนแอนโดรเจนนี้จะเข้าไปกระตุ้นต่อมไขมันให้มีการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เมื่อใบหน้ามีความมัน รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นและเกิดการอุดตันในรูขุมขน มักพบในผู้ที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น

อาหารที่ทาน

อาหารบางชนิด สามารถทำให้เกิดสิวได้ ไม่ว่าจะเป็นของทอด อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาหารเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น จนทำให้เกิดการอุดตันและอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบได้

การใช้ยาบางชนิด

เช่น ยาที่มีส่วนผสมของ Anabolic Steroids, Corticosteroids, Corticotropin, Phenytoin, Lithium, Isoniazid, Vitamin B6, Vitamin B12 ซึ่งเป็นส่วนผสมที่อาจมีผลข้างเคียงและทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้

เครื่องสำอาง

ส่วนผสมในเครื่องสำอาง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวอักเสบและสิวอุดตันขึ้นได้ โดยควรจะหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีน้ำมัน แอลกอฮอล์ และน้ำหอม เพราะจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แนะนำให้เลือกเครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) และผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน

กรรมพันธุ์

นอกจากฮอร์โมนแล้ว กรรมพันธุ์ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน โดยหากคนในครอบครัวมีสภาพผิวมันหรือเป็นสิวอักเสบขึ้นไม่หยุด คนไข้ก็จะมีโอกาสเป็นสิวได้มากกว่า

การสัมผัสและบีบสิว

สิว อาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองและสร้างความรำคาญใจให้กับคนไข้ จนอดไม่ได้ที่จะใช้มือจับ ลูบ หรือบีบสิว ซึ่งการสัมผัสสิวโดยไม่จำเป็นจะทำให้สิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ นอกจากนี้การบีบสิวด้วยตัวเอง ยังทำให้มีการบาดเจ็บของรูขุมขนและมีการอักเสบขึ้นได้ ดังนั้น การบีบสิวควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้เครื่องมือที่สะอาดเท่านั้น

วิธีรักษาสิวอักเสบให้หายขาดและไม่ลุกลาม

วิธีรักษาสิวอักเสบให้หายขาดเเละไม่ลุกลาม

การรักษาสิวอักเสบให้หายขาดและไม่ลุกลามไปบริเวณอื่น สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งวิธีที่หมอรวบรวมมาแนะนำในบทความนี้ จะเน้นไปที่การรักษาโดยวิธีทางการแพทย์ โดยมีทั้งหมด 5 วิธี ดังนี้

1. การใช้ยาทารักษาสิวอักเสบ

การใช้ยาทารักษาสิวอักเสบ จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและทำให้สิวหายขาดได้ ซึ่งตัวยาที่ใช้จะช่วยลดการผลิตไขมันจากต่อมไขมัน ลดการอักเสบของสิว และช่วยกำจัดสิวได้ โดยตัวยาที่สามารถใช้ได้นั้นจะมีหลายประเภท เช่น

  • ยาทากลุ่มเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ Benzoyl Peroxide เป็นยาทาออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ลดการอักเสบ และละลายสิวอุดตันด้วย แต่อ่อนกว่ายาทากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอครับ หมอแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบ ครีมหรือเจลที่เป็น Water Base ในความเข้มข้น 2.5% หรือ 5%
  • ยาทากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ Topical Retinoids ช่วยยับยั้งการอุดตันของรูขุมขน แล้วทำให้สิวอุดตันที่มีอยู่หลวมตัวขึ้นและหลุดออก ดังนั้นจึงทำให้สิวเก่าหลุดไปและทำให้สิวใหม่ขึ้นน้อยลงด้วยครับ นอกจากนี้ตัวยายังช่วยลดการอักเสบของสิวด้วย
  • ยาทากรดอะเซเลอิค Azelaic acid ช่วยในเรื่องของการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C.acnes พร้อมมีฤทธิ์ละลายสิวอุดตัน และยังมีส่วนช่วยในการรักษารอยดำจากสิว ได้อีกด้วย ตัวยาจะอยู่ในรูปครีม ความเข้มข้น 20% แบรนด์ที่เป็น original คือ Skinoren
  • ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทา Topical Antibiotics ออกฤทธิ์โดยตรงกับเชื้อแบคทีเรีย C.acnes ซึ่งเป็นแบคทีเรียสาเหตุหลักของการเกิดสิว และนอกจากนี้ยาในกลุ่มนี้ยังช่วยลดการอักเสบด้วยจึงเหมาะสำหรับใช้ในคนไข้ที่มีสิวอักเสบ หรือมีแนวโน้มว่าสิวจะเกิดการอักเสบครับ ยาในกลุ่มนี้ที่นิยมใช้ได้แก่ Topical Clindamycin , Topical Erythromycin และ Topical Metronidazole
  • ยาทาที่มีส่วนผสมของกำมะถัน Sulfur เป็นตัวช่วยรักษาสิวได้ดี เพราะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรีย ใช้ได้กับทั้งสิวอักเสบและสิวหัวดำ ช่วยลดการเกิดสิวใหม่อีกด้วยครับ

2. ยาทานรักษาสิวอักเสบ

การทานยารักษาสิว จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและทำให้สิวหายขาดได้ โดยตัวยาที่สามารถใช้ได้นั้นจะมีหลายประเภท เช่น

  • ยาปฏิชีวนะ Antibiotics สำหรับตัวยาที่นิยมใช้ได้แก่ Doxycycline หรือ Minocycline, Erythromycin หรือ Azithromycin, Cotrimoxazole(TMP/SMX), Penicillin, Cephalosporin ทั้งนี้ การรับประทานยายาปฏิชีวนะควรอยู่ในความดูแลของแพทย์นะครับ
  • ตัวยาในกลุ่มอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ Isotretinoin ซึ่งจะออกฤทธิ์โดยตรงที่ต่อมน้ำมันใต้ผิวทำให้ต่อมน้ำมันมีขนาดเล็กลง สร้างและขับน้ำมันออกมาน้อยลง ลดการอุดตันของรูขุมขนโดยตรงอีกด้วย และยังมีผลทางอ้อมช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย C.acnes ที่มีส่วนก่อให้เกิดสิว และลดการอักเสบสิว อย่างไรก็ตามควรใช้ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ เนื่องจากยาตัวนี้ก็มีผลข้างเคียงหลายอย่าง ใช้ในกรณีคนไข้ที่มีสิวรุนแรงค่อนข้างมาก และ ที่สำคัญยาตัวนี้ห้ามใช้ในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์เนื่องจากว่าจะมีผลต่อทารกในครรภ์ได้ครับ
  • ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ใช้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น เหมาะกับสิวที่หน้าผากที่เกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุล

3. การกดสิว

การกดสิว เป็นหนึ่งหัตถการที่มีจุดประสงค์เพื่อกำจัดสิวอุดตันออกจากรูขุมขน และอาจเกิดการอักเสบในอนาคต ซึ่งการกดสิวอักเสบนั้น ควรทำโดยแพทย์รักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญ และใช้เครื่องมือที่สะอาดเท่านั้น เพราะหากคนไข้ทำการกดสิวด้วยตัวเองและกดสิวไม่ถูกวิธี และกดสิวโดยเครื่องมือที่ไม่สะอาด ก็อาจทำให้สิวเกิดการอักเสบรุนแรงมากยิ่งขึ้นและลุกลามไปบริเวณอื่นได้

4. การเลเซอร์สิวและบำบัดด้วยแสง

ปัจจุบันการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ และ การรักษาสิวด้วยการบำบัดด้วยแสง จัดว่าเป็นการรักษาสิวทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน และใช้เวลาน้อยกว่า นอกจากนี้หากรักษาด้วยเลเซอร์ควบคู่ไปกับการรักษาสิวด้วยยาทาและยารับประทานก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีหลักการทำงานด้วยการออกฤทธิ์ต่อกลไกการเกิดสิว 2 จุด คือ ออกฤทธิ์ต่อมน้ำมันใต้ผิว (Sebaceous gland) และ ออกฤทธิ์ต่อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว C.acnes

5. การรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการรักษาสิว เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะนอกจากคนไข้จะได้รับการรักษาสิวอย่างถูกวิธีแล้ว แพทย์ยังสามารถวินิจฉัยเพื่อตรวจหาสาเหตุของสิวและหาแนวทางในการป้องกันสิวได้อีกด้วย ซึ่งการรักษาสิวอักเสบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำให้สิวหายเร็วขึ้นและไม่ทิ้งรอยสิว รอยแผลเป็น หรือหลุมสิวเอาไว้ หมอจะขอ 2 โปรแกรมที่ตอบโจทย์กับคนไข้ที่มีปัญหาสิวขึ้นเยอะผิดปกติ ดังนี้

โปรแกรมรักษาสิวและเลเซอร์รอยสิว Medi-Aclear

โปรแกรม Medi-Aclear โปรแกรม Medi-Aclear เป็นการรักษาสิวที่ประเมินการรักษาโดยแพทย์ และดำเนินการรักษาล้ำลึกตั้งแต่ทรีตเมนต์รักษาสิว จนถึงกระบวนการสุดท้ายที่เป็นการเลเซอร์รักษารอยสิว โดยมีขั้นตอนการรักษาถึง 8 ขั้นตอน นอกจากนี้คนไข้ยังจะได้รับยารักษาตามการประเมินของแพทย์ร่วมด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้ารักษาสิวในโปรแกรม Medi-Aclear สิวลดลงและรอยสิวจะจางลงได้มากถึง 80-90% สามารถรักษาได้ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด สิวมีหัว ฯลฯ ราคารายครั้ง 3,500.- / 5 ครั้ง 10,500.- / 10 ครั้ง 17,000.-

โปรแกรมรักษาสิวและรอย ไม่ทานยา Ultima-Clear

โปรแกรม Ultima-Clear โปรแกรมรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ Long Pulse Diode 1450nm ชนิดพิเศษที่จะส่งพลังงานลงสู่ต่อมไขมัน เพื่อลดความมันของผิวหน้า และลดการเกิดสิวใหม่ โดยจะออกฤทธิ์ได้ผลเทียบเท่ากับการทานยารักษาสิว โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องทานยา ก็เห็นผลการรักษาที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงเหมาะกับคนไข้ท่านที่ไม่ชอบการทานยา หรืออยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถทานยาได้ ราคารายครั้ง 1,500.-  / 10 ครั้ง 10,000.-

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นสิวอักเสบ

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีวิธีรักษาสิวอักเสบให้คนไข้เลือกหลากหลายวิธี แต่การป้องกันไม่ให้เกิดสิวก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากกว่า เพราะคนไข้จะไม่ต้องปวดหัวและรำคาญใจกับสิวที่ขึ้นบนใบหน้า โดยวิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิว มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดสิว เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง นม และส่วนผสมแปรรูปที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิว ควรเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์ อย่างผลไม้ ผัก และเมล็ดธัญพืชแทน
  • รักษาความสะอาดของผิว ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นด้วยคลีนเซอร์ที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น เพราะสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนมืออาจไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และกลายเป็นสิวอักเสบขึ้นได้
  • ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย เน้นการขจัดสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งและโทนเนอร์ออกให้หมด รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมัน
  • ทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง และช่วยปลอบประโลมผิว
  • จัดการกับความเครียด ความเครียดสามารถเพิ่มการผลิตฮอร์โมนและการผลิตน้ำมัน ซึ่งนำไปสู่การเกิดสิวได้
  • ปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด แสงแดดอาจทำให้สิวแย่ลงได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง
  • รักษาความสะอาดของเส้นผม เส้นผมที่มีความมันและมาสัมผัสกับใบหน้า อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและเป็นสิวได้ แนะนำให้สระผมเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมที่ก่อให้เกิดสิว

ทั้งนี้ผลลัพธ์ของการป้องกันเกิดสิวอักเสบอาจแตกต่างกันออกไปตามสภาพผิวของแต่ละคน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด

ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษาสิวอักเสบขึ้นไม่หยุด โดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง

1. สิวอักเสบเป็นยังไง?

สิวอักเสบ (Papule) จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงขนาดเล็ก เมื่อสัมผัสโดนจะรู้สึกเจ็บ มักเกิดจากสิวอุดตันที่ถูกกระตุ้นจากเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes จนเกิดการอักเสบอย่างรุนแรงใต้ชั้นผิวหนัง

2. สิวอักเสบสามารถหายเองได้ไหม?

ในบางเคส สิวอักเสบสามารถหายเองได้หากรักษาอย่างถูกต้อง แต่หากปล่อยไว้จนเกิดการอักเสบรุนแรง ผิวหนังรอบบริเวณที่เป็นสิวอาจเกิดรอยแผล รอยสิว หรือเป็นหลุมสิวที่รักษายากตามมาได้ ทางที่ดี หากเป็นสิวอักเสบไม่ควรปล่อยไว้ให้หายเอง ควรรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า

3. ทำไมสิวอักเสบถึงเจ็บ?

เนื่องจากสิวมีการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes และการอักเสบจากการเสียสมดุลของแบคทีเรียบนผิว ทำให้เมื่อสัมผัสบริเวณสิวจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาได้

4. สิวอักเสบควรกดออกไหม?

สิวอักเสบสามารถกดออกได้ แต่ไม่ควรกดสิวที่มีการอักเสบด้วยตัวเอง เพราะนอกจากจะมีอาการเจ็บแล้ว เชื้อแบคทีเรียจากหนองยังจะกระจายออกไปตามผิวหนัง ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสิวและติดเชื้อมากกว่าเดิมได้ ทางที่ดีหากต้องการรักษาสิวด้วยการบีบสิว ควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์รักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญจะดีกว่า

5. ทำยังไงให้สิวอักเสบหายเร็ว?

หากต้องการให้สิวที่มีการอักเสบหายเร็วโดยไม่ทิ้งรอยไว้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ห้ามบีบ แกะ หรือสัมผัสสิวเป็นอันขาด จากนั้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือใช้แผ่นแปะสิวเพื่อป้องกันการสัมผัสสิวโดยไม่จำเป็น

6. สิวอักเสบจะหายกี่วัน?

ระยะเวลาที่สิวหาย จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสิว และวิธีที่เลือกใช้ในการรักษา โดยระยะเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 6-12 สัปดาห์

7. สิวอักเสบขึ้นทุกวันเป็นเพราะอะไร?

สำหรับคนไข้ที่เป็นสิวอักเสบขึ้นไม่หยุด อาจมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินไป ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง และเชื้อแบคทีเรียบนสิว ดังนั้น คนไข้จึงควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์รักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อหาต้นเหตุของการเกิดสิวและวิธีรักษาที่ถูกต้อง

สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด M VITA CLINIC ช่วยรักษาให้หาย คืนผิวเรียบเนียนให้คุณได้

สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด เป็นปัญหาสิวที่ทำให้คนไข้ขาดความมั่นใจได้ เพราะนอกจากจะเห็นเป็นตุ่มสิวชัดเจนบนใบหน้าแล้ว หากปล่อยไว้โดยไม่ได้มีการรักษาอย่างถูกวิธี ก็อาจจะมีการอักเสบรุนแรงและลุกลามไปบริเวณอื่น ได้อีกด้วย นอกจากนี้ การรักษาที่ไม่ถูกวิธียังอาจทำให้เกิดปัญหารอยสิวและหลุมสิวที่แก้ไขได้ยากในอนาคต ดังนั้น คนไข้จึงควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์รักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ยากต่อการรักษาในอนาคต สำหรับคนไข้ที่ต้องการเข้ามาปรึกษาปัญหาสิวอักเสบ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่

ติดต่อ จองคิว ปรึกษาแพทย์

ข้อมูลของ เอ็มวีต้า คลินิก (Mvita Clinic)

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • เอ็มวีต้า คลินิก (คลิก) ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

วันเผยแพร่

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า