สิวที่หน้าผาก ปัญหากวนใจที่หลาย ๆ คนประสบพบเจออยู่ เนื่องจากหน้าผากอยู่ในบริเวณ T-Zone ที่เต็มไปด้วยต่อมไขมัน ซึ่งนอกจากจะเป็นบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และสร้างความรำคาญใจให้แก่คนไข้แล้ว หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาก็อาจจะกลายเป็นสิวอักเสบที่ทิ้งรอยสิวหรือหลุมสิวไว้ได้อีกด้วย ดังนั้น ในบทความนี้ M VITA CLINIC จึงได้รวบรวมข้อมูลเพื่อไขข้อสงสัยที่ว่า เป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักทีเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนดังเดิมยังไงบ้าง ไปดูกันเลย
เป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักทีเกิดจากอะไร?
สิวที่หน้าผาก (Forehead Acne) เป็นตำแหน่ง T-Zone ที่เต็มไปด้วยต่อมไขมัน และเมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป บวกกับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขน ก็จะทำให้เกิดปัญหาสิวที่หน้าผากขึ้นได้ นอกจากนี้หน้าผากยังเป็นบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ง่าย ทำให้คนไข้หลาย ๆ คนพยายามแกะหรือบีบเพื่อให้สิวเหล่านั้นหายไป แต่การทำแบบนั้นกลับเป็นการทำให้สิวอักเสบ สิวเห่อ และขึ้นไม่หยุดได้ ซึ่งก็เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเราถึงเป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักที แน่นอนว่าต้นเหตุของการเกิดสิวที่หน้าผากไม่ได้มีเพียงแค่การอุดตันของรูขุมขนและการสัมผัสสิวโดยไม่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ดังนี้
สิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่ตกค้าง
เชื่อว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่ อาจจะมองข้ามการทำความสะอาดบริเวณหน้าผากอย่างละเอียด เพราะมองว่าเป็นบริเวณที่ไม่ได้ลงเครื่องสำอางมากเท่าบริเวณแก้มหรือตา แต่รู้หรือไม่ว่าการละเลยการทำความสะอาดบริเวณหน้าผากจะทำให้สิ่งสกปรกเกิดการตกค้างและเข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนเกิดเป็นสิวขึ้นมาได้
การใช้มือสัมผัสกับผิวหน้าโดยไม่จำเป็น
เพราะในแต่ละวัน มือของเราต้องสัมผัสสิ่งต่าง ๆ มากมาย แน่นอนว่าสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับสิ่งของเหล่านั้นก็จะติดขึ้นมากับมือของเรา และเมื่อนำมือไปสัมผัสกับใบหน้า ก็จะทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ จนเกิดเป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักที หรือเกิดการอักเสบและลุกลามไปบริเวณอื่น ๆ ได้
การแพ้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม
ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็น แชมพู คอนดิชันเนอร์ น้ำมันบำรุงผม ทรีตเมนต์บำรุงผม อาจมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือการอุดตันได้ ดังนั้น จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการอุดตันหรือการระคายเคือง เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสิวที่หน้าผาก
ฮอร์โมนเพศที่ไม่สมดุล
ฮอร์โมนนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงกำลังมีประจำเดือน ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ และผู้ที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นที่ฮอร์โมนเพศจะเพิ่มมากขึ้น จนไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากยิ่งขึ้น และเกิดสิวที่หน้าผากขึ้นได้
การใช้ยาบางชนิด
ยาบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดสิวที่หน้าผากและสิวบริเวณอื่น ๆ ได้ เช่น ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์, Cortisone, Isoniazid, Lithium เป็นต้น
ความเครียด
เมื่อเราเกิดความเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่มีผลต่อการทำงานของไขมันออกมา เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล, แอนโดรเจร, นูโรเปปไทด์, ไซโตคินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ความเครียดยังส่งผลต่ออาการและความรุนแรงของสิวด้วยเช่นกัน
สิวที่หน้าผากมีกี่ประเภท
การทำความรู้จักประเภทของสิวที่หน้าผาก เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนไข้สามารถดูแลและรักษาปัญหาสิวนี้ได้อย่างตรงจุด โดยสิวที่หน้าผากที่สามารถพบได้มีทั้งหมด 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. สิวอุดตันที่หน้าผาก (Comedones)
สิวอุดตัน เป็นสิวไม่อักเสบที่เกิดจากการสะสมของน้ำมันและเชื้อแบคทีเรียจนทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้
- สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด (Blackheads) เป็นสิวไม่อักเสบมีลักษณะเป็นเม็ดสีดำ ๆ อยู่บริเวณรูขุมขน สามารถรักษาได้ง่าย
- สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads) เป็นสิวไม่อักเสบมีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มนูนสีขาว ๆ ไม่สามารถมองเห็นหัวสิวได้จากภายนอก ซึ่งสิวหัวขาวสามารถเกิดการอักเสบและติดเชื้อจากการบีบหรือแกะได้
2. สิวอักเสบที่หน้าผาก (Inflammatory Acne)
เป็นสิวที่มีการอุดตันของรูขุมขน จนมีการอักเสบ มักเกิดจากสิวหัวปิดที่ไม่ได้รับการรักษา และมีการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขนร่วมด้วย สามารถแบ่งได้ 4 ชนิดตามลักษณะของสิวที่พบ ได้แก่
- สิวตุ่มนูนแดง (Papule) เป็นสิวอักเสบขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ไม่มีหัว และมีการอักเสบโดยรอบ มักเกิดขึ้นจากการสัมผัส กด บีบ หรือแกะสิวจนเกิดการติดเชื้อและอุดตัน
- สิวหัวหนอง (Pastule) มีขนาดคล้ายกับสิวตุ่มนูนแดง แต่จะมีหัวหนองที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ อยู่ด้วย
- สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule) มีลักษณะคล้ายกับสิวตุ่มนูนแดง แต่จะมีขนาดใหญ่กว่ามาก และจะมีอาการปวดเมื่อสัมผัส
- สิวหัวช้าง (Nodulocystic acne) เป็นสิวอักเสบที่รุนแรงและมีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังสามารถแพร่กระจายไปทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอได้
- สิวเทียม สิวผด หรือสิวหิน (Acne Aestivale) เป็นสิวอักเสบที่มักจะเห่อขึ้นมาเมื่อเจอกับอากาศร้อน มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ แข็ง ๆ คล้ายผดกระจายอยู่ทั่วบริเวณแก้ม
3. สิวผด (Acne Aestivalis)
สิวผด เป็นอาการแพ้ของผิวหนังที่เกิดจากแสงแดด ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่าง ๆ มีลักษณะเป็นผื่นหรือตุ่มเล็ก ๆ คล้ายสิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads) ให้ความรู้สึกไม่เรียบเนียนเมื่อสัมผัส มักจะขึ้นเป็นจำนวนมากและกระจายตัวในบริเวณเดียวกัน
วิธีรักษาสิวที่หน้าผาก
ในปัจจุบันมีวิธีรักษาสิวที่หน้าผากหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากคนไข้ต้องการรักษาสิวด้วยตัวเองก็ควรจะพิจารณาประเภทรวมถึงระดับความรุนแรงของสิว เพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด แต่ทางที่ดีก็ควรจะเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์รักษาสิว เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเสียก่อน โดยวิธีรักษาสิวที่หน้าผากที่หมอรวบรวมมาแนะนำ มีดังนี้
ใช้แผ่นแปะดูดสิว
การใช้แผ่นแปะดูดสิว จะช่วยดูเอาหนอง ของเหลว และไขมันส่วนเกินออกมาจากผิวหนัง ซึ่งจะช่วยให้สิวแห้งเร็วขึ้น ลดการติดเชื้อ และช่วยลดการสัมผัสสิวโดยไม่จำเป็น ถือว่าเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย และสะดวกสบายเนื่องจากในปัจจุบันสามารถหาซื้อแผ่นแปะดูดสิวตามสะดวกซื้อได้ ทั้งนี้ การรักษาสิวที่หน้าผากด้วยแผ่นแปะดูดสิวจะไม่เหมาะกับสิวที่หัวสิวอยู่ลึกลงไปในผิวหนัง และสิวอุดตัน
การใช้ยารักษาสิว
การใช้ยารักษาสิวที่หน้าผาก จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและทำให้สิวที่หน้าผากหายขาดได้ ซึ่งตัวยาที่ใช้จะช่วยลดการผลิตไขมันจากต่อมไขมัน ลดการอักเสบของสิว และช่วยกำจัดสิวได้ โดยตัวยาที่สามารถใช้ได้นั้นจะมีหลายประเภท เช่น
ยาทาในการรักษาสิวที่หน้าผาก
- Retinoids เป็นยาที่ช่วยดันหัวสิวให้ตื้นขึ้นและหลุดออกไป และยังป้องกันการเกิดสิวใหม่ แต่อาจระคายเคืองผิวได้ และทำให้ผิวไวต่อแสง จึงควรทาช่วงก่อนนอน และควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
- Benzoyl Peroxide เป็นยาที่ช่วยละลายหัวสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C.acnes ได้ วิธีใช้ควรทาก่อนล้างหน้าทิ้งไว้ 2-5 นาทีแล้วล้างออก
- Salicylic Acid เป็นยาทาที่มีความเป็นกรด ช่วยลดการอุดตัน ควรใช้ความเข้มข้นอ่อน ๆ 1-2%
- Topical Antibiotics ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C.acnes ที่ทำให้สิวอักเสบ
ยากินการรักษาสิวที่หน้าผาก
- ยาปฏิชีวนะแบบทาน ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อสิว เหมาะกับท่านที่มีสิวอักเสบขึ้นเยอะ
- ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ใช้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น เหมาะกับสิวที่หน้าผากที่เกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุล
- ยากิน Isotretinoin ยากินรักษาสิวที่ได้ผลดีที่สุด ช่วยลดความมัน ลดสิวใหม่ สิวเก่าแห้งกดออกง่ายขึ้น ลดสิวอักเสบ แต่กินแล้วปากแห้ง และไม่ควรทานในขณะตั้งครรภ์หรือให้นม ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์
การฉีดสิว
การฉีดสิวที่หน้าผาก จะเป็นการฉีดหัวสิวอักเสบด้วยยาคอร์ติโคสเตียรอยในปริมาณน้อยมาก ๆ ซึ่งจะช่วยลดการบวมอักเสบของสิวได้ภายใน 1-2 วัน และช่วยป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นสิวตามมาโดยไม่มีผลข้างเคียง แนะนำให้ทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาสิว รวมถึงเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการอักเสบเพิ่มมากขึ้น
การมาส์กหน้า
การมาส์กหน้า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาสิวที่หน้าผากให้หายไวขึ้น โดยแนะนำให้ใช้มาส์กหน้าแบบธรรมชาติ อย่างการมาร์กด้วยโยเกิร์ต มาส์กหน้าด้วยน้ำผึ้ง หรือมาส์กหน้าแบบในคลินิกหรือสปา ซึ่งจะช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ละลายสิวอุดตันได้ แต่หากทำเองที่บ้านควรระวังการแพ้ด้วย ก่อนใช้หมอแนะนำให้ทดสอบกับผิวหนังส่วนอื่นก่อน
การปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาสิวที่หน้าผาก
หากคุณเป็นสิวที่หน้าผาก ไม่หายสักที การเข้ารับการปรึกษาทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิวโดยเฉพาะ ก็นับเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ทำการรักษาแบบผิด ๆ จนทำให้สิวที่หน้าผากเกิดการอักเสบ เห่อ หรือเพิ่มจำนวนขึ้น นอกจากนี้การรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิวโดยเฉพาะยังใช้ระยะเวลาน้อย ทำให้สิวหายไวมากยิ่งขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการรักษาสิวที่หน้าผากให้หายขาดมากที่สุด M Vita Clinic ยินดีให้คำปรึกษา ประเมินการรักษา ฟรี!
ดูแลตัวเองยังไงไม่ให้สิวขึ้นที่หน้าผาก
ได้ทราบวิธีรักษาสิวที่หน้าผากกันไปแล้ว ต่อไปหมอก็จะขอพามาแนะนำวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสิวที่หน้าผากที่สร้างความรำคาญใจและทำให้คนไข้ไม่มั่นใจ จะมีวิธีอะไรบ้าง ไปดูกัน
- ล้างหน้าให้สะอาด สำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้า ก็ควรจะเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด แล้วล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนเป็นประจำเช้า-เย็น และหากในระหว่างวันต้องทำกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ แนะนำว่าควรจะซับเหงื่อให้แห้ง อย่าปล่อยให้แห้งเองเพราะจะทำให้เกิดสิวได้ง่าย
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้า โดยควรจะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อเสริมให้ผิวกลับมาแข็งแรง นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อป้องกันการอุดตันในรูขุมขนจนเกิดเป็นสิวตามมา
- งดการจับ แกะ หรือเกาสิว เพราะสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนมือของเรา จะทำให้สิวเกิดการอักเสบและระคายเคือง จนไปกระตุ้นให้สิวลุกลามไปตำแหน่งอื่นได้
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะความร้อนจากแสงแดด จะทำให้เกิดเหงื่อ และทำให้เกิดสิวผดที่หน้าผากได้
- ปรับพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่ทำให้เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็น การนอนดึก การรับประทานของหวาน ของมัน ความเครียด การนำมือไปสัมผัสกับใบหน้า การไม่ครีมกันแดด เป็นต้น
ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวที่หน้าผาก ตอบโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง
เชื่อว่าคนไข้ที่มีปัญหาเป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักที คงจะมีคำถามเกี่ยวกับสิวที่หน้าผากที่ยังหาคำตอบไม่ได้กันอยู่ ซึ่งในช่วงนี้หมอได้รวบรวมคำถามที่คนไข้มักจะถามเมื่อเข้ามารับบริการมารวมไว้ในช่วงนี้ เพื่อให้คนไข้สามารถไขคำตอบได้ด้วยตัวเอง
1. ทำไมสิวที่หน้าผากไม่หายสักที?
หากคนไข้เป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักที หรือขึ้นซ้ำบ่อย ๆ ในจุดเดิม นั่นอาจเป็นสัญญาณของการเป็นสิวเรื้อรัง (Chronic Acne) ซึ่งถ้าปล่อยไว้โดยไม่ได้เข้ารับการรักษาที่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้เกิดแผลเป็นหรือรอยสิวที่รักษาได้ยากในอนาคต
2. ทำยังไงให้สิวที่หน้าผากหายขาด?
แนะนำให้เข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะครับ เพื่อให้รู้สาเหตุของการเกิดสิวที่หน้าผากที่แท้จริง และแพทย์จะทำการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้สิวหายเร็วมากขึ้น พร้อมช่วยกู้คืนผิวสวย ใส ไร้สิว ให้กลับมาได้เร็วดังใจนะครับ
3. สิวที่หน้าผากปกติกี่วันหาย?
หากเป็นสิวไม่มีหัว หรือสิวอักเสบไม่มีหัว และรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้อง สามารถหายได้ในระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ แต่ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบ และรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้อง สามารถหายได้ในระยะเวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์ ทั้งนี้ระยะเวลาในการรักษาสิวที่หน้าผากให้หาย ก็ขึ้นอยู่กับอาการ ความรุนแรงของสิว และวิธีรักษาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทางที่ดีจึงควรเข้ารับคำปรึกษาและรับยาที่ถูกต้องโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทางหรือแพทย์ผิวหนังจะดีกว่า
4. สิวที่หน้าผากบ่งบอกอะไร?
นอกจากการเป็นสิวที่หน้าผาก จะเกิดจากการมีต่อมไขมันจำนวนมากและเป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกได้ง่ายแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่าง ๆ ที่แอบแฝงอยู่ในร่างกายของเราได้เช่นกัน ดังนี้
- โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหารที่ทำงานหนักเกินไป หรือทำงานผิดปกติ
- โรคกระเพาะปัสสาวะ และโรคต่อมหมวกไตที่มีสาเหตุจากการรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ที่เยอะเกินไป
- การขาดสารอาหาร จากการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยมักจะพบมากในคนที่ไม่ชอบทางผักผลไม้
ทั้งนี้ การที่คนไข้เป็นสิวที่หน้าผากอาจไม่ได้เกิดจากโรคแอบแฝงเสมอไป ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์รักษาสิว เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิวที่หน้าผาก และทำการรักษาอย่างถูกต้องจะดีที่สุด
5. สิวขึ้นที่หน้าผากทุกวันเป็นเพราะอะไร?
สิวขึ้นที่หน้าผากทุกวัน หรือปัญหาสิวเห่อ เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น
- ความเครียด
- ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- การทานอาหารบางชนิด
- ผิวขาดความชุ่มชื้น
- การสูบบุหรี่
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การใช้ยาบางชนิด
เป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักที M VITA CLINIC ช่วยไขข้อสงสัยให้คุณได้!
ปัญหาเป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักที เป็นปัญหาที่สามารถพบได้มาก เนื่องจากสภาพอากาศและมลภาวะต่าง ๆ ที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน บวกกับต่อมไขมันจำนวนมากที่อยู่บริเวณหน้าผาก ดังนั้น หากคนไข้มีปัญหาสิวที่หน้าผากอยู่ ก็อย่าเพิ่งกังวลว่าจะเกี่ยวข้องกับโรคแอบแฝงใด ๆ ในร่างกาย แนะนำว่าควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง หรือแพทย์รักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยและหาสาเหตุ รวมถึงรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีรักษาที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาสิวที่หน้าผากได้อย่างตรงจุด สำหรับคนไข้ที่ต้องการเข้ามาปรึกษาปัญหาสิวที่หน้าผากหรือเข้ารับบริการ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่
- LINE: https://page.line.me/mvitaclinic?openQrModal=true
- FaceBook: https://www.facebook.com/mvitacliniccenter
- Tel: 081-492-2626, 02-640-8097
- Google Maps: https://maps.app.goo.gl/ZMEgATLszMJsHpNC8
รวมรีวิวรักษาสิวโปรแกรม Medi-Aclear พร้อมทั้งเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนทำและหลังทำจาก M VITA CENTER
เพื่อให้คนไข้สามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์จากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการคอร์สรักษาสิวที่ M VITA CENTER เราจึงได้รวบรวมภาพรีวิวรักษาสิวก่อนทำและหลังทำมาให้คนไข้เปรียบเทียบผลลัพธ์การรักษาด้วยตัวเอง
ติดต่อ จองคิว ปรึกษาแพทย์
ข้อมูลของ เอ็มวีต้า คลินิก (Mvita Clinic)
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- เอ็มวีต้า คลินิก (คลิก) ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่