ในปัจจุบัน หน้ากากอนามัย เป็นไอเทมสำคัญที่ทุกคนมักจะสวมใส่กันจนเป็นเรื่องปกติ เพราะนอกจากจะสวมเพื่อป้องกันโรคภัยต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาฝุ่นควันและฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายได้อีกด้วย แต่แน่นอนว่า ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดของประเทศไทย ทำให้การสวมหน้ากากอนามัยนั้นสามารถก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าหรือที่เรียกกันว่า สิวแพ้แมสก์ขึ้นมาได้ แน่นอนว่าเมื่อหน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องใส่เป็นประจำ ในบทความนี้ M VITA CLINIC จึงจะมาแนะนำว่า สิวแพ้แมสก์เกิดจากอะไร มีวิธีจัดการสิวแพ้แมสก์ยังไงให้อยู่หมัด เพื่อให้คนไข้สามารถใส่หน้ากากอนามัยได้โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาสิวที่จะตามมา
สิวแพ้แมสก์มีลักษณะอย่างไร?
ปัญหาสิวแพ้แมสก์ (Maskne) จะมีลักษณะเป็นสิวหรือผดผื่นขึ้นบริเวณผิวที่สัมผัสกับแมสก์ โดยมักจะมีอาการคันและเกิดรอยแดงร่วมด้วย ซึ่งสิวแพ้แมสก์สามารถแบ่งได้ทั้งหมด 2 ลักษณะ ดังนี้
1. สิวอุดตัน
- สิวหัวดำ (Blackheads) มีลักษณะเป็นเม็ดสีดำ ๆ อยู่บริเวณรูขุมขน สามารถรักษาได้ง่าย
- สิวหัวขาว (Whiteheads) มีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มนูนสีขาว ๆ คล้ายผื่น แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าผื่น ซึ่งสิวหัวขาวสามารถเกิดการอักเสบและติดเชื้อจากการบีบหรือแกะได้
2. สิวผด เป็นอาการแพ้ของผิวหนัง มีลักษณะเป็นผื่นหรือตุ่มเล็ก ๆ ที่ให้ความรู้สึกไม่เรียบเนียนเมื่อสัมผัส มักจะขึ้นเป็นจำนวนมากและกระจายตัวในบริเวณ
สิวแพ้แมสก์เกิดจากอะไร?
สิวแพ้แมสก์เกิดจากอะไร? อันดับแรกหมอจะขอพาคนไข้มาทำความรู้จักสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวแพ้แมสก์กันก่อน เพื่อให้คนไข้เข้าใจและสามารถหลีกเลี่ยงต้นเหตุที่ทำให้เกิดสิวแพ้แมสได้ โดยสิวแพ้แมสก์สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนี้
1. การเสียดสีของแมสก์กับผิวหน้า
สิวแพ้แมสก์ สามารถเกิดขึ้นได้จากการเสียดสีของแมสก์กับผิวหน้า ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองบริเวณที่สวมใส่ จนเกิดปัญหาสิวและผดผื่นคันตามมาได้
2. การใช้หน้ากากอนามัยซ้ำ
หน้ากากอนามัย หรือแมสก์ที่ใช้กันโดยทั่วไป สามารถแบ่งได้ทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่
- หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียว จะผลิตจากวัสดุเม็ดพลาสติกที่นำไปขึ้นรูปจากเส้นใยจนเกิดเป็นแผ่นกรอง โดยหน้ากากอนามัยประเภทนี้ จะมีอายุการใช้งานสั้น ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งและไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำแม้จะใช้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และก่อให้เกิดปัญหาสิวตามมาได้
- หน้ากากอนามัยแบบใช้ซ้ำ หรือหน้ากากอนามัยแบบผ้า สามารถนำไปซักแล้วกลับมาใช้ซ้ำได้ แต่หากเลือกใช้ผ้าที่ไม่ผิวหยาบ หรือซักด้วยน้ำยาซักผ้าที่ไม่อ่อนโยน ก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวได้เช่นกัน
3. การสะสมของสิ่งสกปรกในแมสก์
เมื่อมีการสะสมของสิ่งสกปรกในแมสก์ ไม่ว่าจะเป็น ละอองน้ำลาย เหงื่อ น้ำมันจากผิวหน้า เครื่องสำอาง บวกกับการระบายอากาศน้อยและความอับชื้นที่สะสมอยู่ภายในหน้ากากอนามัย ยิ่งถ้าในช่วงที่มีอากาศร้อนอบอ้าว เชื้อแบคทีเรียก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนและเติบโตในรูขุมขน ซึ่งจะทำให้เกิดสิวแพ้แมสก์ขึ้นมาได้
4. ฝุ่น PM2.5 และมลภาวะทางอากาศ
มลพิษทางอากาศ ทั้งฝุ่น PM2.5 มลพิษจากควันรถ ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่ส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระและภูมิต้านทานที่อยู่ในผิวหนังลดลง ซึ่งจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ผิวไม่แข็งแรง และเป็นสิวได้ง่าย นอกจากนี้หากหน้ากากอนามัยที่ใส่ไม่แนบสนิทไปกับใบหน้าขณะสวมใส่ ฝุ่นละอองและมลพิษต่าง ๆ ก็จะเข้ามาทางด้านข้างของหน้ากากอนามัย เมื่อเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกบวกกับเหงื่อและความอับชื้นภายในหน้ากากอนามัย ก็จะก่อให้เกิดสิวแพ้แมสก์ขึ้นมาได้
5. พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความสกปรกที่สะสมอยู่ภายในหน้ากากอนามัย สภาพผิว การปล่อยให้ผิวแห้ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวแพ้แมสก์บริเวณแก้ม คาง และจมูกขึ้นมาได้ นอกจากนี้ในกลุ่มคนที่เป็นโรคผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย เป็นต้น บวกกับความร้อน ความชื้น และสิ่งสกปรกก็จะทำให้เกิดสิวขึ้นมาได้
9 วิธีจัดการสิวแพ้แมสก์ให้อยู่หมัด
ได้ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวแพ้แมสก์กันไปแล้ว อันดับต่อไปก็ได้เวลาของการแนะนำวิธีจัดการสิวให้อยู่หมัด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คนไข้กลับมามั่นใจมากขึ้นได้แล้ว ยังช่วยคืนผิวกระจ่างใส และทำให้คนไข้สวมแมสก์ได้สบายมากขึ้น ไม่ต้องรำคาญใจกับความคันจากสิวแพ้แมสก์ที่เป็นอยู่ แล้ว 9 วิธีที่หมอรวบรวมมาแนะนำมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน
การทำความสะอาดผิวหน้า นับว่าเป็นขั้นตอนดูแลผิวง่าย ๆ โดยแนะนำให้คนไข้เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิวและเป็นสูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันการระคาย และล้างหน้าแบบ Double Cleansing เริ่มจากการใช้คลีนซิ่งในการทำความสะอาดเครื่องสำอางและครีมกันแดดบนใบหน้าออกให้หมดจด จากนั้นตามด้วยการใช้คลีนเซอร์เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกตกค้าง และคราบคลีนซิ่งออกให้หมด
ปรับพฤติกรรมการใช้หน้ากากอนามัย
เมื่อใส่หน้ากากอนามัยควรจะถอดแมสก์ออกมาพักประมาณ 15 นาที ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทและลดการอับชื้น นอกจากนี้ยังควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุก ๆ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรก และความอับชื้นได้ ที่สำคัญคือ ในกรณีที่ใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ควรจะเปลี่ยนใหม่ทุกวัน และสำหรับหน้ากากอนามัยแบบผ้า ก็ควรจะนำไปซักให้สะอาดก่อนใช้งาน
งดการแต่งหน้า
เนื่องจากส่วนผสมในเครื่องสำอาง จะเข้าไปผสมกับน้ำมันและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในแมสก์ ประกอบกับความอบอ้าวและความอับชื้นที่ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ง่าย ดังนั้น ทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงการลงเครื่องสำอางในบริเวณที่อยู่ใต้แมสก์จะดีที่สุด
เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
ก่อนที่จะสวมใส่หน้ากากอนามัย ควรจะทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น และกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อลดการเสียดสีของผิวกับหน้ากากอนามัย เพราะหากไม่มีการบำรุงให้ดีและปล่อยให้ผิวแห้งกร้าน หน้ากากอนามัยก็จะยิ่งเกิดการเสียดสีกับผิวมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและเป็นต้นเหตุของสิวแพ้แมสก์ได้
เลือกหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพ
นอกจากคุณภาพของหน้ากากอนามัย จะส่งผลต่อการป้องกันเชื้อโรคและมลภาวะต่าง ๆ แล้ว หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพยังมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคือง เพราะผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากเนื้อผ้าแบบนาโนซิงค์ (Nano Zinc) ที่มีสารช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวแพ้แมสก์ขึ้นได้
ลดการเสียดสีโดยตรงระหว่างใบหน้ากับหน้ากากอนามัย
ในบางครั้งต่อให้ผิวของเราจะลงผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นมากเพียงใด แต่ก็อาจจะเกิดการเสียดสีระหว่างใบหน้ากับหน้ากากอนามัยได้ ดังนั้น จึงแนะนำให้นำกระดาษทิชชูที่มีความอ่อนนุ่ม และเหมาะสำหรับการใช้กับผิวหน้ามารองก่อนสวมหน้ากากอนามัยทับ ซึ่งจะช่วยลดการเสียดสีและการระคายเคืองกับผิวได้
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
พฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนไข้เกิดปัญหาสิวแพ้แมสก์ขึ้นได้ ดังนั้น คนไข้จึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เพราะปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่กระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น จนเกิดการอุดตันและกลายเป็นสิวได้
หมั่นซับเหงื่อระหว่างวัน
เมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ร่างกายของเราจะมีการสร้างเหงื่อและน้ำมันออกจากผิวมามากขึ้น ทำให้บริเวณที่สวมแมสก์มีความอับชื้นมากขึ้น ดังนั้น ในระหว่างวันหรือช่วงที่มีเหงื่อออกมาก ควรจะซับใบหน้าด้วยกระดาษทิชชูหรือกระดาษซับมันก่อนใส่หน้ากากอนามัยกลับที่เดิม
หากมีอาการแพ้รุนแรง ให้หยุดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
หากคนไข้ลองทำตามทุกวิธีข้างต้นที่หมอได้แนะนำไปแล้ว แต่ยังมีปัญหาสิวแพ้แมสก์รุนแรงจนเกิดการอักเสบ หมอแนะนำให้คนไข้หยุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกชนิดเอาไว้ก่อน งดการแต่งหน้า และรีบมาปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หรือแพทย์รักษาสิวในทันที เพื่อให้แพทย์ทำการวินิจฉัยและจ่ายยาหรือแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวแพ้แมสก์ ตอบโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง
1. ใส่แมสก์แล้วสิวขึ้น เกิดจากอะไร?
การที่คนไข้ใส่แมสก์แล้วสิวขึ้น เกิดจากอากาศภายในแมสก์ที่ไม่ถ่ายเท จนทำให้เกิดความอับชื้น บวกกับความร้อนและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ ที่ทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดเป็นสิวแพ้แมสก์ขึ้น
2. รักษาสิวแพ้แมสก์เป็นยังไง?
ในกรณีที่เป็นสิวแพ้แมสก์ไม่รุนแรง สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
- เปลี่ยนแมสก์ทุกวัน
- ลดการแต่งหน้า
- เลือกแมสก์ที่ได้คุณภาพ
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือยาบางชนิดที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น AHA BHA เป็นต้น
- หมั่นเติมความชุ่มชื้นด้วยการทามอยซ์เจอไรเซอร์
ทั้งนี้หากรักษาด้วยวิธีข้างต้นไปแล้วแต่สิวแพ้แมสก์ยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์รักษาสิวหรือแพทย์ผิวหนังในทันที
3. สิวแพ้แมสก์กี่วันหาย?
หากรักษาสิวแพ้แมสก์ด้วยวิธีที่เหมาะสมและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี สิวแพ้แมสก์สามารถหายได้ภายใน 7-14 วัน
M VITA CLINIC รักษาสิวแพ้แมสก์ให้หายขาด บอกลาผื่นคัน คืนผิวเรียบเนียน
ในปัจจุบัน ปัญหาสิวแพ้แมสก์เป็นปัญหาใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เนื่องจากหน้ากากอนามัยกลายมาเป็นไอเทมสำคัญที่คนส่วนใหญ่มักจะสวมใส่เพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคและฝุ่น PM2.5 ดังนั้น การรู้วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากสิวแพ้แมสก์ จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพบเจอกับปัญหาที่ทำให้คนไข้เกิดความรำคาญใจและรู้สึกไม่มั่นใจได้ สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาสิวแพ้มาสก์และอยากแก้ไขให้ผิวกลับมาเรียบเนียน บอกลาผื่นคันกวนใจ M VITA CLINIC ก็พร้อมแก้ไขปัญหาและรักษาให้หายขาด โดยสามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่
- LINE: https://page.line.me/mvitaclinic?openQrModal=true
- FaceBook: https://www.facebook.com/mvitacliniccenter
- Tel: 081-492-2626, 02-640-8097
- Google Maps: https://maps.app.goo.gl/ZMEgATLszMJsHpNC8