คนไข้ท่านใดมีปัญหาเป็นสิวที่แก้มไม่หายสักทีมารวมกันตรงนี้! เพราะในบทความนี้ หมอจะพาคนไข้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรังที่แก้ม มาทำความรู้จักกับปัญหาสิวที่แก้มให้ลึกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสิวที่แก้ม ชนิดของสิวที่แก้ม พร้อมวิธีรักษาและวิธีป้องกันไม่ให้สิวที่แก้มกลับมากวนใจฉบับหมอรักษาสิว เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่แก้มได้
สิวที่แก้มคืออะไร? มีลักษณะอย่างไรบ้าง?
สิวที่แก้ม คือ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณรูขุมขนที่แก้มจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนปรากฏขึ้นมา สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณแก้มส่วนบนและแก้มส่วนล่าง ส่วนมากมักเกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
เป็นสิวที่แก้มไม่หายสักที เกิดจากอะไร?
สิวที่แก้ม เกิดจากไขมันที่ถูกผลิตออกมามากเกินไปจนเข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขน บวกกับมีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และการอักเสบบริเวณแก้มร่วมด้วย ซึ่งสิวที่แก้มโดยส่วนใหญ่ มักจะเกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกบริเวณนั้น ทำให้ผิวเกิดการอักเสบและระคายเคือง จนเกิดเป็นสิวที่แก้ม นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีกหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
โดยเฉพาะผู้หญิงใกล้มีประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่ไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน จนส่งผลให้มีการผลิตไขมันออกมามากเกินไป และเกิดการอุดตันในรูขุมขน
สิ่งสกปรกที่สัมผัสกับผิว
สิ่งสกปรกที่มาสัมผัสบริเวณแก้ม จะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวที่แก้มได้ ไม่ว่าจะเป็น ปลอกหมอน โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์แต่งหน้า มือ หน้ากากอนามัย เป็นต้น
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
เนื่องจากในเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด จะมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดการอุดตันและระคายเคืองต่อผิว เช่น สารเคมี น้ำหอม แอลกอฮอล์ เป็นต้น จนทำให้เกิดอาการแพ้ และกลายเป็นสิวที่แก้มได้
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม การแพ้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ อาหารการกิน มลภาวะต่าง ๆ รวมถึงสภาพทางจิตใจ ความเครียด และการพักผ่อน ล้วนเป็นปัจจัยให้ผิวอ่อนแอ และเมื่อถูกกระตุ้นโดยสิ่งสกปรกหรือเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ก็จะทำให้เกิดสิวที่แก้มได้
สิวที่แก้มมีกี่ประเภท
โดยส่วนใหญ่แล้ว สิวสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ สิวอักเสบ และสิวไม่อักเสบ ซึ่งแต่ละประเภทก็สามารถแบ่งย่อยชนิดได้อีกหลากหลาย ดังนี้
- สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด (Blackheads) เป็นสิวไม่อักเสบมีลักษณะเป็นเม็ดสีดำ ๆ อยู่บริเวณรูขุมขน สามารถรักษาได้ง่าย
- สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads) เป็นสิวไม่อักเสบมีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มนูนสีขาว ๆ ไม่สามารถมองเห็นหัวสิวได้จากภายนอก ซึ่งสิวหัวขาวสามารถเกิดการอักเสบและติดเชื้อจากการบีบหรือแกะได้
- สิวตุ่มนูนแดง (Papule) เป็นสิวอักเสบขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ไม่มีหัว และมีการอักเสบโดยรอบ มักเกิดขึ้นจากการสัมผัส กด บีบ หรือแกะสิวจนเกิดการติดเชื้อและอุดตัน
- สิวหัวหนอง (Pastule) มีขนาดคล้ายกับสิวตุ่มนูนแดง แต่จะมีหัวหนองที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ อยู่ด้วย
- สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule) มีลักษณะคล้ายกับสิวตุ่มนูนแดง แต่จะมีขนาดใหญ่กว่ามาก และจะมีอาการปวดเมื่อสัมผัส
- สิวหัวช้าง (Nodulocystic acne) เป็นสิวอักเสบที่รุนแรงและมีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังสามารถแพร่กระจายไปทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอได้
- สิวผด (Acne Estivalis) เป็นสิวอักเสบที่มักจะเห่อขึ้นมาเมื่อเจอกับอากาศร้อน มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ แข็ง ๆ คล้ายผดกระจายอยู่ทั่วบริเวณแก้ม
เป็นสิวที่แก้มไม่หายสักที มีวิธีรักษายังไงบ้าง?
การรักษาสิวที่แก้มส่วนใหญ่ จะเน้นการใช้ยาทาเป็นหลัก แต่หากคนไข้เป็นสิวที่แก้มไม่หายสักที หรือเป็นสิวเรื้อรังที่แก้ม หมอก็อาจจะแนะนำวิธีรักษาทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งในบทความนี้หมอจะขอแนะนำ 5 วิธีรักษาสิวที่แก้ม ฉบับหมอรักษาสิวซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร่งด่วน ดังนี้
1. การกดสิว
การกดสิว เป็นวิธีรักษาสิวที่แม้ว่าจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่หากกดผิดวิธีหรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดก็จะทำให้เกิดการอักเสบและแพร่กระจายมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้น จึงควรเลือกกดสิวกับคลินิกรักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญ และใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาเป็นอย่างดี เพื่อให้สิวหลุดออกจากชั้นผิวหนังได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อ จนเกิดเป็นรอยดำและหลุมสิวได้อีกด้วย
2. การฉีดสิว
การฉีดสิว เป็นวิธีที่เหมาะกับสิวอักเสบลึก สิวไม่มีหัว สิวผด โดยจะเป็นการฉีดยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในสิวหรือใต้ผิวหนัง เพื่อลดการอักเสบ และทำให้สิวยุบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำที่เดิมเนื่องจากหัวสิวยังคงอยู่
3. การเลเซอร์รักษาสิว
การเลเซอร์สิว จะเป็นการใช้เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในการรักษาสิว มาใช้ในการกำจัดไขมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนให้หลุดไป และช่วยลดรอยสิว เหมาะกับสิวหิน สิวอุดตันที่ฝังลึกมานาน แต่หลังจากเลเซอร์รักษาสิวไปแล้ว จะมีอาการบวมแดง เป็นแผลตกสะเก็ดทำให้ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้หน้าเร่งด่วน หรือผู้ที่ต้องทำกิจกรรม/งานที่อยู่ภายใต้แสงแดดเป็นเวลานาน
4. การฉายแสงรักษาสิว
การฉายแสงรักษาสิว เป็นนวัตกรรมการใช้แสงสีน้ำเงินและสีแดงในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว และช่วยลดอาการอักเสบ บวมแดงที่เกิดจากการกดสิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
5. การใช้ยารักษาสิว
การใช้ยารักษาสิว มีทั้งยาที่ต้องรับประทานและยาทาภายนอก ซึ่งแพทย์จะทำการประเมินปัญหาและจ่ายยาที่เหมาะสมให้กับคนไข้เป็นรายบุคคล โดยจะมีทั้งยาฆ่าเชื้อลดการอักเสบ ยาละลายหัวสิว ยาปรับฮอร์โมน และยาป้องกันการอักเสบของสิว
6.ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษาสิวที่แก้ม ที่ M VITA CLINIC
สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาสิวที่แก้ม ต้องการรักษา สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่ M VITA CLINIC ได้เลย เพราะที่คลินิกของเรามีโปรแกรมรักษาสิวที่จะช่วยให้คนไข้บอกลาปัญหาสิวที่แก้ม และมีสภาพผิวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหมอจะขอ 2 โปรแกรมที่ตอบโจทย์กับคนไข้ที่มีปัญหาสิวขึ้นที่แก้ม ได้แก่
โปรแกรม Medi-Aclear เป็นการรักษาสิวที่ประเมินการรักษาโดยแพทย์ และดำเนินการรักษาล้ำลึกตั้งแต่ทรีตเมนต์รักษาสิว จนถึงกระบวนการสุดท้ายที่เป็นการเลเซอร์รักษารอยสิว โดยมีขั้นตอนการรักษาถึง 8 ขั้นตอน นอกจากนี้คนไข้ยังจะได้รับยารักษาตามการประเมินของแพทย์ร่วมด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้ารักษาสิวในโปรแกรม Medi-Aclear สิวลดลงและรอยสิวจะจางลงได้มากถึง 80-90% สามารถรักษาได้ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด สิวมีหัว ฯลฯ ราคารายครั้ง 3,500.- / 5 ครั้ง 10,500.- / 10 ครั้ง 17,000.-
โปรแกรม Ultima-Clear โปรแกรมรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ Long Pulse Diode 1450nm ชนิดพิเศษที่จะส่งพลังงานลงสู่ต่อมไขมัน เพื่อลดความมันของผิวหน้า และลดการเกิดสิวใหม่ โดยจะออกฤทธิ์ได้ผลเทียบเท่ากับการทานยารักษาสิว โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องทานยา ก็เห็นผลการรักษาที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงเหมาะกับคนไข้ท่านที่ไม่ชอบการทานยา หรืออยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถทานยาได้ ราคารายครั้ง 1,500.- / 10 ครั้ง 10,000.-
วิธีป้องกันและดูแลผิวไม่ให้กลับมาเป็นสิวที่แก้ม
เมื่อรักษาปัญหาสิวเรื้อรังที่แก้มจนผิวหน้าเริ่มกลับมากระจ่างใสแล้ว คงจะไม่มีใครอยากกลับไปมีสิวที่แก้มซ้ำอีกครั้งอย่างแน่นอน ดังนั้น หมอจึงจะขอมาแนะนำวิธีป้องกันและดูแลผิวไม่ให้กลับมาเป็นสิวที่แก้ม จบปัญหาเป็นสิวที่แก้มไม่หายสักที ไปได้เลย! โดยวิธีป้องกันมีดังนี้
- ล้างหน้าเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนเย็น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับสภาพผิว และมีความอ่อนโยน ไม่เป็นกรดหรือด่างมากเกินไปจนเกิดการระคายเคือง
- ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังใบหน้าของเรา
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสกับผิวหน้าโดยไม่จำเป็น เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- ทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- เปลี่ยนปลอกหมอน ปลอกหมอนข้าง ผ้าปูที่นอน และผ้าห่มเป็นประจำ
- เลือกหน้ากากอนามัยที่สามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความอับชื้นและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- ทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นประจำ และเก็บอุปกรณ์แต่งหน้าไว้ในที่ที่มิดชิด เพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรก
- พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด เพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายกลับมาสมดุล
เป็นสิวที่แก้มบอกโรคอะไรได้บ้าง?
คนไข้ที่มีปัญหาเป็นสิวที่แก้มไม่หายสักที นอกจากจะเกิดขึ้นจากฮอร์โมน การอุดตัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ แล้ว ยังอาจมีต้นเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งสิวที่แก้มสามารถบอกได้ว่า คนไข้อาจจะกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย โดยสิวที่เกิดขึ้นบริเวณแก้มส่วนบน บ่งบอกว่าคนไข้อาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น ปอด ไซนัส การแพ้ควันบุหรี่ การแพ้ฝุ่นควัน เป็นต้น ส่วนสิวที่เกิดขึ้นบริเวณแก้มส่วนล่าง บ่งบอกว่าคนไข้อาจมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพในช่องปาก เช่น ปวดฟัน ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นต้น
จบปัญหาเป็นสิวที่แก้มไม่หายสักที ที่ M VITA CLINIC
สำหรับคนไข้ที่มีปัญหา เป็นสิวที่แก้มไม่หายสักที หรือเป็นสิวเรื้อรังที่แก้มมาเป็นเวลานาน และอยากรักษาให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง M VITA CLINIC ขอแนะนำโปรแกรม Medi-Aclear ซึ่งเป็นโปรแกรมรักษาสิวพร้อมเลเซอร์ลดรอยสิวครบสูตร ดำเนินการรักษาล้ำลึกตั้งแต่ต้นตอถึง 8 ขั้นตอน หลังทำสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ 80-90% สิวลดลงและรอยสิวดูจางลง นอกจากนี้ยังมั่นใจในความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน เพราะทุกขั้นตอนดำเนินการโดยแพทย์รักษาสิว นอกจากนี้ยังเลือกใช้เครื่องมือและยาที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่
ติดต่อ จองคิว ปรึกษาแพทย์
ข้อมูลของ เอ็มวีต้า คลินิก (Mvita Clinic)
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- เอ็มวีต้า คลินิก (คลิก) ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่