การฉีดสิวคืออะไร กี่วันยุบ ปลอดภัยไหม มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง

ฉีดสิวคืออะไร ช่วยให้สิวยุบได้จริงไหม ฉีดสิวบ่อย ๆ อันตรายหรือไม่

ฉีดสิวเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในการจัดการกับสิวอักเสบเม็ดใหญ่ หรือสิวหัวช้างที่บวมเป่งและเจ็บปวด หลายคนสนใจเพราะเห็นผลไว แต่ก็ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการฉีดสิวว่าแท้จริงแล้วคืออะไร? ช่วยให้สิวยุบภายในกี่วัน? มีความปลอดภัยแค่ไหน? และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง? บทความนี้จาก M Vita Center มีคำตอบให้ครบทุกประเด็นค่ะ

การฉีดสิวคืออะไร

การฉีดสิวคืออะไร

การฉีดสิวคือ วิธีการรักษาสิวอักเสบรูปแบบหนึ่ง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดตัวยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ที่มีความเข้มข้นเจือจาง (ส่วนใหญ่นิยมใช้ Triamcinolone Acetonide) เข้าไปในตุ่มสิวโดยตรง จุดประสงค์หลักคือเพื่อลดการอักเสบ บวม แดง และความเจ็บปวดของสิวเม็ดนั้น ๆ อย่างรวดเร็ว การฉีดสิวเป็นการรักษาเฉพาะจุด ไม่ใช่การรักษาเพื่อป้องกันสิวใหม่ หรือรักษาสิวประเภทอื่นที่ไม่ใช่สิวอักเสบรุนแรง และจำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

สิวแบบไหนที่ควรรักษาด้วยการฉีดสิว

การฉีดสิวไม่ได้เหมาะกับสิวทุกประเภท แต่จะได้ผลดีและมีความจำเป็นสำหรับสิวลักษณะต่อไปนี้

  1. สิวอักเสบรุนแรง (Severe Inflammatory Acne): สิวที่มีอาการบวม แดง อักเสบมาก และกดเจ็บ
  2. สิวหัวช้าง (Cystic Acne): สิวอักเสบขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นถุงซีสต์อยู่ใต้ผิวหนัง
  3. สิวไม่มีหัวเป็นไต (Nodules): สิวอักเสบที่เป็นตุ่มไตแข็ง ๆ อยู่ลึกใต้ผิว กดเจ็บมาก
  4. สิวอักเสบไม่มีหัว: สิวที่อักเสบลึก ไม่มีหัวหนองให้เห็น แต่มีขนาดใหญ่และเจ็บ สิวประเภทเหล่านี้มักหายช้าและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น การฉีดสิวจึงเป็นทางเลือกเพื่อช่วยลดการอักเสบให้ยุบเร็วขึ้น ลดความเจ็บปวด และป้องกันรอยแผลเป็น ไม่ว่าจะเกิดบริเวณสิวที่แก้มหรือสิวที่คาง

สิวแบบไหนที่ไม่ควรรักษาด้วยการฉีดสิว

ในทางกลับกัน มีสิวบางประเภทที่ไม่ควร หรือไม่มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการฉีดสิว ได้แก่:

  1. สิวอุดตัน (Comedones): ทั้งสิวหัวดำและสิวหัวขาว รวมถึงสิวเม็ดข้าวสาร การฉีดสิวไม่ช่วยให้สิวอุดตันเหล่านี้หายไปได้
  2. สิวอักเสบเล็กน้อย (Mild Papules): สิวอักเสบตุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่รุนแรง มักหายได้เองหรือด้วยยาทา
  3. สิวหัวหนอง (Pustules): สิวที่มีหัวหนองสีขาวเหลืองชัดเจน การกดออกอย่างถูกวิธี (โดยผู้เชี่ยวชาญ) อาจเหมาะสมกว่า

ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดสิว

การฉีดสิวเป็นหัตถการที่มีประโยชน์ในการจัดการกับสิวอักเสบเม็ดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เหมือนกับการรักษาทางการแพทย์อื่น ๆ คือ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรทราบ เพื่อประกอบการตัดสินใจร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ M Vita Center ค่ะ

ข้อดีของการฉีดสิว

ข้อดีของการฉีดสิว
  • ลดการอักเสบได้รวดเร็ว: ช่วยลดอาการบวม แดง และความเจ็บปวดของสิวอักเสบได้อย่างรวดเร็วทันใจ ส่วนใหญ่มักเห็นผลภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • สิวยุบเร็วขึ้น: ทำให้สิวอักเสบเม็ดใหญ่ หรือสิวหัวช้างที่อาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ในการยุบตัว สามารถยุบลงได้ภายในไม่กี่วันหลังฉีดสิว
  • ลดความเสี่ยงของแผลเป็น: การที่สิวอักเสบรุนแรงยุบเร็วขึ้น ช่วยลดโอกาสที่เนื้อเยื่อจะถูกทำลายจนหน้าเป็นหลุมสิว หรือทิ้งรอยดำจากสิวอักเสบรุนแรง
  • หัตถการใช้เวลาไม่นาน: ขั้นตอนการฉีดสิวแต่ละเม็ดใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีถึงนาทีเท่านั้น
  • เหมาะสำหรับสถานการณ์เร่งด่วน: ช่วยให้สิวเม็ดใหญ่เจ้าปัญหายุบลงทันก่อนวันสำคัญ เช่น งานแต่งงาน หรือ งานรับปริญญา

ข้อเสียของการฉีดสิว

ข้อเสียของการฉีดสิว
  • อาจเกิดผิวบุ๋ม (Skin Atrophy): ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ ผิวหนังบริเวณที่ฉีดสิวเกิดการยุบตัวลงเป็นรอยบุ๋ม ซึ่งมักเป็นชั่วคราวและจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในเวลาหลายเดือน แต่อาจเป็นถาวรได้ในบางราย
  • การเปลี่ยนแปลงของสีผิว: อาจเกิดรอยขาว (Hypopigmentation) หรือรอยคล้ำ (Hyperpigmentation) บริเวณที่ฉีดได้
  • เห็นเส้นเลือดฝอยชัดขึ้น (Telangiectasias): อาจทำให้เส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ บริเวณที่ฉีดขยายตัวและมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
  • ผลต่อร่างกาย (Systemic Effects): แม้จะพบน้อยมาก แต่หากฉีดในปริมาณมากเกินไป บ่อยเกินไป หรือในผู้ที่ไวต่อยา อาจมีการดูดซึมยาเข้าร่างกายและส่งผลกระทบได้
  • ไม่ใช่การรักษาสิวที่ต้นเหตุ: การฉีดสิวช่วยลดการอักเสบเฉพาะจุดในระยะสั้น แต่ไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวซ้ำ เช่น ความมัน ฮอร์โมน หรือการอุดตันของรูขุมขน

ฉีดสิวเหมาะ-ไม่เหมาะกับใครบ้าง

การพิจารณาว่าใครควรหรือไม่ควรรับการฉีดสิวนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของสิว รวมถึงปัจจัยด้านสุขภาพของแต่ละบุคคล การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ฉีดสิวเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรงเม็ดใหญ่ เช่น สิวหัวช้าง, สิวไม่มีหัวเป็นไต
  • ผู้ที่ต้องการให้สิวยุบเร็วเพื่อลดความเจ็บปวดหรือก่อนงานสำคัญ
  • ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นง่ายจากสิวอักเสบรุนแรง
  • ผู้ที่ทำความเข้าใจและยอมรับข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดสิวได้

ฉีดสิวไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่เป็นสิวอุดตัน, สิวอักเสบเล็กน้อย, หรือสิวหัวหนองที่ไม่รุนแรง
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ในยาฉีด
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่อาจเป็นข้อห้าม เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้ หรือภาวะเลือดออกง่าย (ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด)
  • สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีดสิว)
  • ผู้ที่คาดหวังว่าการฉีดสิวจะช่วยรักษาสิวได้ทุกประเภท หรือทำให้สิวหายขาด

ฉีดสิวบ่อย ๆ อันตรายไหม?

การฉีดสิวบ่อย ๆ ในตำแหน่งเดิมซ้ำ ๆ หรือการฉีดหลายเม็ดในครั้งเดียวบ่อยครั้งเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงเฉพาะที่ได้มากขึ้น เช่น ผิวบุ๋มถาวร ผิวบางลง หรือสีผิวเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสที่ตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น ดังนั้น การฉีดสิวควรทำเท่าที่จำเป็นสำหรับสิวเม็ดที่รุนแรงจริง ๆ และอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ

ฉีดสิวกี่วันยุบ?

โดยทั่วไปแล้ว หลังจากการฉีดสิวด้วยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ สิวจะเริ่มตอบสนองและลดการอักเสบลงอย่างเห็นได้ชัดเจนภายใน 24-72 ชั่วโมง (1-3 วัน) อาการบวม แดง และเจ็บจะค่อย ๆ ลดลง จากนั้นสิวจะค่อย ๆ ยุบตัวลงจนเรียบไปกับผิว ซึ่งอาจใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับขนาด ความรุนแรงของการอักเสบเดิม และการตอบสนองต่อยาของแต่ละบุคคล

การเตรียมตัวก่อนฉีดสิว

แม้ว่าการฉีดสิวจะเป็นหัตถการเล็ก ๆ แต่การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การรักษาราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น:

  • ปรึกษาแพทย์: แจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วน ทั้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ยาและอาหารเสริมที่กำลังใช้อยู่ รวมถึงข้อกังวลเกี่ยวกับผิว
  • แจ้งยาที่ใช้: หากรับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรแจ้งแพทย์ เพราะอาจต้องหยุดยาก่อนทำ
  • ทำความสะอาดใบหน้า: ไม่จำเป็นต้องงดแต่งหน้า แต่ควรทำความสะอาดใบหน้าก่อนมาพบแพทย์ หรือทางคลินิกจะทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดสิวให้อีกครั้ง
  • งดการรบกวนสิว: ไม่ควรบีบ แกะ หรือกดสิวเม็ดที่จะทำการฉีด เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น หรือติดเชื้อได้

ขั้นตอนการฉีดสิว

ขั้นตอนการฉีดสิว

ขั้นตอนการฉีดสิวนั้นรวดเร็วและไม่ซับซ้อน โดยทั่วไปมีดังนี้:

  • แพทย์ประเมินสิว: แพทย์จะตรวจดูสิวเม็ดที่ต้องการฉีด เพื่อประเมินความเหมาะสมและกำหนดปริมาณยาที่จะใช้
  • ทำความสะอาดผิว: แพทย์หรือผู้ช่วยจะทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดสิวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ฉีดยา: แพทย์จะใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็กมาก ค่อย ๆ ฉีดตัวยา (Corticosteroid) เข้าไปในชั้นผิวหนังบริเวณกลางตุ่มสิว อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายมดกัดขณะเดินยา
  • ปิดแผล (ถ้าจำเป็น): หลังฉีดเสร็จ อาจมีการกดเบา ๆ เพื่อห้ามเลือด (หากมีเลือดซึมเล็กน้อย) และอาจปิดด้วยพลาสเตอร์ยาขนาดเล็ก

การดูแลตัวเองหลังฉีดสิว

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง หลังฉีดสิวควรดูแลตัวเองดังนี้:

  • ห้ามสัมผัส บีบ หรือแกะ: หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด บีบ หรือแกะ บริเวณที่เพิ่งฉีดสิวมาเด็ดขาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดโอกาสเกิดรอยบุ๋ม
  • รักษาความสะอาด: สามารถล้างหน้าและทาครีมบำรุงได้ตามปกติ แต่ควรทำอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการขัดถูแรง ๆ ในวันแรก
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์: หากแพทย์มีการสั่งยาทาหรือยารับประทานอื่น ๆ เพิ่มเติม ควรใช้ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  • สังเกตอาการผิดปกติ: หากบริเวณที่ฉีดมีอาการบวม แดง ร้อน ปวดมากขึ้น หรือมีหนองไหล ควรติดต่อกลับไปพบแพทย์ทันที
  • ทาครีมกันแดด: ปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ

ผลข้างเคียงของการฉีดสิว

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดสิวที่พบบ่อยคือ ผิวหนังยุบตัวเป็นรอยบุ๋มชั่วคราว ซึ่งมักจะค่อย ๆ ตื้นขึ้นเองในเวลาประมาณ 4-6 เดือน นอกจากนี้ อาจพบรอยขาว หรือเส้นเลือดฝอยขยายตัวได้บ้าง ผลข้างเคียงรุนแรงอื่น ๆ เกิดขึ้นได้น้อยมากหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยเทคนิค ปริมาณ และความเข้มข้นของยาที่เหมาะสม การฉีดสิวที่ M Vita Center เน้นความปลอดภัยสูงสุด

รักษาสิวที่ M Vita Center

ที่ M VITA Center ให้บริการดูแลปัญหาสิวมาอย่างต่อเนื่องกว่า 14 ปี ทีมบุคลากรของเราผ่านการอบรมด้านการดูแลผิวพรรณ และมีประสบการณ์ในการให้บริการดูแลสิว รวมถึงหัตถการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาผิว ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนจะดำเนินการภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

เรามีโปรแกรมดูแลปัญหาสิวหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถปรับให้เหมาะสมกับลักษณะของสิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยก่อนเริ่มการดูแลรักษา แพทย์จะทำการประเมินปัญหาและวางแผนแนวทางการรักษาร่วมกับผู้เข้ารับบริการ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการเฉพาะราย นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมาตรฐานในการให้บริการ โดยใช้อุปกรณ์ เครื่องเลเซอร์ และยาที่ผ่านการรับรองจาก อย. และได้มาตรฐานในระดับสากล

คอร์สรักษาสิว 8 ขั้นตอน Medi-Aclear

โปรแกรมรักษาสิวและเลเซอร์รอยสิว Medi-Aclear

Medi-Aclear เป็นคอร์สรักษาสิวที่ออกแบบมาเพื่อดูแลปัญหาสิวหลากหลายประเภท รวมถึงรอยแดงและรอยดำจากสิว ด้วยขั้นตอนดูแลผิวทั้งหมด 8 ขั้นตอน ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยลดปัญหาสิวและปรับสมดุลผิวอย่างเป็นระบบ โดยแพทย์จะพิจารณาแนะนำการรักษาแบบคอร์สในกรณีที่เหมาะสม ทั้งนี้ ผลลัพธ์จากการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิว ประเภทสิว และการตอบสนองของแต่ละบุคคล

คอร์สรักษาสิว 7 ขั้นตอน Acni-Clear

โปรแกรมรักษาสิวครบวงจร

Acni-Clear เป็นโปรแกรมดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว โดยมีขั้นตอนดูแลทั้งหมด 7 ขั้นตอน ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยลดปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสิว เช่น การอุดตันของรูขุมขนและการสะสมของแบคทีเรีย ขั้นตอนต่าง ๆ ในคอร์สนี้รวมถึงการทำความสะอาด การเคลียร์สิว การใช้แสงเพื่อลดการอักเสบ และการบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวดูแข็งแรงขึ้น การรักษาอย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์ อาจช่วยลดโอกาสการเกิดซ้ำของสิวได้

คอร์สรักษารอยสิว ด้วย QuadroStar Pro Yellow Laser

โปรแกรมเลเซอร์รอยสิว

คอร์สรักษารอยดำจากสิวด้วย QuadroStar Pro Yellow Laser ซึ่งเป็นแสงเลเซอร์สีเหลืองจากประเทศเยอรมนี โดยออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลรอยดำและรอยแดงที่เกิดจากสิว การทำงานของแสงเลเซอร์ชนิดนี้ช่วยส่งพลังงานลงสู่ผิวในลักษณะที่สม่ำเสมอ ซึ่งมีความอ่อนโยนและเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยสิว ผลลัพธ์ของการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

สรุปบทความ

การฉีดสิว เป็นหัตถการที่ใช้ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ฉีดเฉพาะจุดบริเวณตุ่มสิวอักเสบ เพื่อช่วยลดอาการบวม แดง และความเจ็บปวด โดยทั่วไปอาจช่วยให้สิวยุบลงภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและประเภทสิวของแต่ละบุคคล

การฉีดสิวมีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง เช่น อาจทำให้เกิดการยุบตัวของผิว หรือรอยหลุมถ้าทำบ่อยเกินไป หรือใช้ยาในปริมาณไม่เหมาะสม ดังนั้นควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้นหากคุณกำลังมีปัญหาสิวอักเสบและสนใจการดูแลรักษาด้วยวิธีนี้ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ที่ M Vita Center เพื่อประเมินอาการและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ

ติดต่อ จองคิว ปรึกษาแพทย์

ข้อมูลของ เอ็มวีต้า คลินิก (Mvita Clinic)

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

วันเผยแพร่

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า