สิวสเตียรอยด์ หรือที่หลายคนมักจะเรียกกันว่า สิวติดสาร เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ทำให้คนไข้มีสิวขึ้นเยอะผิดปกติ อาจเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว ซึ่งถ้าคนไข้มีตุ่มลักษณะคล้ายสิวอักเสบขึ้นจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ หมอแนะนำว่าควรรีบเข้ามาพบแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาให้ตรงจุดจะดีกว่า ซึ่งในบทความนี้ ทีมแพทย์ M VITA CLINIC จะพาคนไข้ทุกคนมาทำความรู้จักว่า สิวสเตียรอยด์หรือสิวติดสารคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร และมีวิธีรักษายังไงให้หายขาด
สิวสเตียรอยด์คืออะไร?
สิวสเตียรอยด์ (Steroid Acne) คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดผื่นคล้ายสิว (Acneiform Eruption) แต่ไม่ใช่สิว โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูน มีน้ำหรือหนองอยู่ภายใน มักจะเกิดขึ้นบนผิวหนังเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับสารสเตียรอยด์ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ก็คือ การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ที่ส่งผลต่อระบบร่างกายและทำให้เกิดโรคผิวหนังอื่น ๆ รวมถึงสิวสเตียรอยด์ตามมา
ลักษณะของสิวสเตียรอยด์
ลักษณะของสิวสเตียรอยด์คือ ผิวบริเวณที่เกิดสิว จะมีผื่นแดงและตุ่มหนองหรือตุ่มน้ำขึ้นมาด้วย อาจขึ้นมาทีละเม็ดหรือเห่อขึ้นมาหลาย ๆ เม็ดพร้อมกันก็ได้เช่นกัน โดยลักษณะอาการของสิวสเตียรอยด์จะสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของยาสเตียรอยด์ที่ใช้ ดังนี้
1. สิวสเตียรอยด์แบบ Steroid Acne
สิวแพ้สเตียรอยด์ที่เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์แบบใช้ภายใน จะสามารถแบ่งอาการได้ทั้งหมด 2 ลักษณะ ดังนี้
- อาการคล้ายโรคสิว จะเป็นลักษณะที่มีสิวหลากหลายประเภทเกิดขึ้นบริเวณที่เป็นสิว เช่น สิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวอักเสบ สิวหัวช้าง เป็นต้น
- อาการคล้ายโรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา จะเป็นลักษณะที่ผิวหนังมีตุ่มนูนแดง ตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองขนาดเล็กที่เกิดจากการเชื้อราที่เข้าไปกระตุ้นรูขุมขนจนเกิดการอักเสบและระคายเคืองขึ้นมา
2. สิวสเตียรอยด์แบบ Steroid Rosacea
เป็นสิวแพ้สเตียรอยด์ที่เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ในการรักษาภายนอก ทั้งแบบเจลและแบบครีม โดยผิวหนังบริเวณที่มีการใช้สเตียรอยด์จะมีตุ่มคล้ายสิวอักเสบขึ้นมาพร้อมผื่นแดง ในบางครั้งเส้นเลือดฝอยที่อยู่รอบ ๆ สิวจะแตกออก เนื่องจากเส้นเลือดมีการขยายตัวจนสามารถเห็นได้ชัดเจนกว่าปกติอีกด้วย ซึ่งนอกจากสิวสเตียรอยด์ลักษณะนี้จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าแล้ว ยังทำให้ผิวบางลง และไวต่อแสงแดด รวมถึงมลภาวะต่าง ๆ มากขึ้นอีกด้วย
สิวสเตียรอยด์เกิดจากอะไร?
สาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดสิวสเตียรอยด์ตามใบหน้าและร่างกาย มาจากการใช้สเตียรอยด์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ในระยะแรกที่ใช้จะรู้สึกได้ว่าผิวแข็งแรงและกระจ่างใส แต่เมื่อหยุดใช้ไปก็จะเกิดสิวสเตียรอยด์และปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมามากมาย โดยเราสามารถแบ่งสาเหตุของการเกิดสิวประเภทนี้ได้ดังนี้
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์
ในปัจจุบันนี้มีแบรนด์สกินแคร์เกิดขึ้นจำนวนไม่น้อย ซึ่งแบรนด์ที่ไม่ได้มาตรฐานก็มักจะมีการใช้สเตียรอยด์จำนวนเป็นส่วนผสม เพื่อให้ผู้ใช้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ผิวจะบางลงและเกิดเป็นสิวสเตียรอยด์หลากหลายรูปแบบ เช่น สิวอักเสบ สิวหนอง เป็นต้น
การใช้ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์
ในยารักษาสิวบางชนิด จะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ที่ช่วยลดสิว และรักษาสิวที่มีอาการรุนแรง ซึ่งแพทย์ที่จ่ายยาเหล่านี้ จะทำการประเมินระยะเวลาที่เหมาะสมให้กับคนไข้ แต่หากคนไข้ทานเกินกำหนด หรือเลือกซื้อยามาทานเองและทานมาเกินไป ก็อาจทำให้ผิวติดสารสเตียรอยด์ และเกิดสิวสเตียรอยด์ขึ้นมาได้
วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ให้หายขาด
การรักษาสิวสเตียรอยด์จะไม่เหมือนกับการรักษาสิวทั่ว ๆ ไป เพราะมีเรื่องของสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงไม่ควรรักษาสิวประเภทนี้ด้วยตัวเอง และควรดำเนินการโดยแพทย์รักษาสิวที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น โดยวิธีที่นิยมใช้ในการรักษา มีดังนี้
1. หยุดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
ขั้นแรกในการรักษาคือ คนไข้จะต้องหยุดใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ ยารักษาสิว รวมถึงการฉีดสิวด้วยเช่นกัน
2. ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน
เนื่องจากผิวที่ติดสารสเตียรอยด์ จะมีความบอบบางสูง ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน และสารกันเสีย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวที่บอบบางอยู่แล้วถูกทำร้ายมากยิ่งขึ้น
3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้น
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้น จะช่วยบำรุงผิวให้กลับมาแข็งแรงมากขึ้น โดยแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Ceramide, Urea, Hyaluronic Acid เป็นต้น ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรงมาก ช่วยลดการเกิดสิวและลดการอักเสบของผิวได้เป็นอย่างดี
4. ใช้ยารักษาสิวสเตียรอยด์
ในปัจจุบันมียารักษาสิวสเตียรอยด์ทั้งแบบรับประทานและแบบทา โดยแนะนำให้เลือกวิตามินลดสิว เช่น Zinc, วิตามินเอ และวิตามินอี ซึ่งเป็นวิตามินที่นอกจากจะช่วยปรับผิวให้แข็งแรงมากขึ้นได้แล้ว ยังช่วยปรับสมดุลของผิว ลดการเติบโตและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว โดยไม่ทำให้ผิวบางลง
5. ฉายแสงลดสิว
การฉายแสงรักษาสิว เป็นนวัตกรรมการใช้แสงสีน้ำเงินและสีแดงในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดอาการอักเสบ บวมแดงที่เกิดจากการสิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
6. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวสเตียรอยด์ ตอบโดยแพทย์รักษาสิวเฉพาะทาง
1. สิวสเตียรอยด์เป็นแบบไหน?
สิวสเตียรอยด์จะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง และผดผื่นแดง มีอาการแสบร้อนที่ผิวและอาจเห็นเส้นเลือดฝอยอยู่ใต้ชั้นผิว นอกจากนี้ยังอาจมีสิวประเภทอื่นขึ้นมาบริเวณนั้นได้อีกด้วย
2. จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นสิวสเตียรอยด์?
สัญญาณเบื้องต้นของคนที่เป็นสิวสเตียรอยด์คือ ผิวบาง โดยคนไข้จะมีอาการดังต่อไปนี้
- เป็นผื่นแพ้ขึ้นบ่อย ๆ
- โดนฝุ่นหรือแสงแดดเพียงเล็กน้อยก็จะรู้สึกคัน หน้าแดง และมีผื่นขึ้น
- ผิวเริ่มบางและแพ้ง่าย
- ผิวหน้ามันง่ายกว่าปกติ
- ผิวเริ่มเหี่ยวย่น เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
- เป็นสิวผดแบบปื้นแดง ๆ ทั่วใบหน้า
3. สิวสเตียรอยด์ หายเองได้ไหม?
หากเป็นสิวสเตียรอยด์ไม่มาก สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเอง เพราะเมื่อหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์ อาการแพ้ต่าง ๆ ที่เป็นอยู่จะดีขึ้นและหายไปเอง แต่หากเป็นสิวสเตียรอยด์รุนแรงแนะนำให้เข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า
4. สิวสเตียรอยด์ แก้ยังไง?
- หยุดการใช้ครีมสเตียรอยด์ทุกรูปแบบ
- ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน
- หยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและความร้อน
- ใช้ยารักษาสิวสเตียรอยด์
- รักษาโดยการฉายแสงลดสิว
5. สเตียรอยด์มีกี่ประเภท?
สเตียรอยด์เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมระบบการทำงานใร่างกาย ต้านการอักเสบ และกดภูมิ สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
- สเตียรอยด์ธรรมชาติ ถูกสร้างจากต่อมหมวกไตชั้นนอก ช่วยควบคุมและบรรเทาอาการอักเสบของร่างกาย ลดอาการปวด และทำให้ภูมิคุ้มกันของเราทำงานได้ปกติ
- สเตียรอยด์สังเคราะห์ เป็นการทำเลียนแบบสเตียรอยด์ที่ร่างกายสร้างขึ้น เพื่อใช้รักษาทางการแพทย์ จัดเป็นยาเคมีที่แม้ว่าจะใช้รักษาโรคได้ดีและเห็นผลลัพธ์เร็ว แต่ก็มีผลข้างเคียงและเป็นอันตรายค่อนข้างมาก
สิวสเตียรอยด์ สิวติดสาร M VITA CLINIC รักษาให้หายขาดได้
สิวสเตียรอยด์นับว่าเป็นโรคผิวหนังที่สามารถพบได้บ่อยในปัจจุบัน เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐานหลาย ๆ แบรนด์นำสเตียรอยด์ไปใช้เป็นส่วนผสม ดังนั้น หากคนไข้ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาใช้ ก็ควรจะตรวจสอบความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของแบรนด์นั้น ๆ รวมถึงตรวจสอบส่วนผสมที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ให้ละเอียด ทางที่ดีก็ควรเลือกซื้อแบรนด์ที่ได้มาตรฐานและมีรีวิวที่น่าเชื่อถือจะดีกว่า
สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาสิวสเตียรอยด์ ผิวติดสารและอยากรักษาให้ผิวกลับมาแข็งแรง เรียบเนียนดังเดิม ที่ M VITA CLINIC มีทีมแพทย์ที่พร้อมจะให้ทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม เพื่อคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลหรือจองคิวเข้ารับบริการได้ที่
- LINE: https://page.line.me/mvitaclinic?openQrModal=true
- FaceBook: https://www.facebook.com/mvitacliniccenter
- Tel: 081-492-2626, 02-640-8097
- Google Maps: https://maps.app.goo.gl/ZMEgATLszMJsHpNC8